Home -> Blog -> รีวิวงาน WWDC 2009 ก้าวต่อก้าวแบบแปลเป็นไทย

รีวิวงาน WWDC 2009 ก้าวต่อก้าวแบบแปลเป็นไทย

งาน WWDC 09 หรือ Apple World Wide Developer Conference งานใหญ่ประจำปีของ Apple ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นงานสัมนาให้กับนักพัฒนาที่สนใจในการพัฒนาโปรแกรมบนสินค้าของ Apple … สำหรับงานนี้ มีของเด็ดๆ ที่ทำเอาคนกริ๊ดทั้งงานอะไรอยู่บ้าง เดี๋ยวมาดูกันครับ

ขอเกริ่นเล็กน้อยสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก งาน WWDC ของ Apple จัดมาตั้งแต่ปี 1996 นับรวมถึงตอนนี้ ก็ 13 ปีเข้าไปแล้ว งานจัดขึ้นที่ Moscone West Center ใน California ทุกปีจะมีนักพัฒนากว่าพันคน (ปีนี้รู้สึกจะ 5,200 คน) ตีตี๋วเข้ามาเพื่อมาสัมนาในหัวข้อต่างๆที่ทาง Apple จัดขึ้น ก็จะมีทั้ง Mac OS , iPhone  และหัวข้ออื่นๆ โดยมีระดับความ ยาก-ง่าย ให้เข้าไปเรียนครับ (ปล. ค่าเข้างานนี้ไม่ฟรี รู้สึกว่าประมาณ 1,599$ … คิดซะว่า เหมือนต้องซื้อ MacBook Pro เพื่อเข้างานกันเลยล่ะ) ในงานคุณจะได้พบกับ หัวข้อต่างๆที่ Apple ระดมเอา Engineer กว่า 1,000 คนมาสอน ซึ่งเมื่อจบออกไป คุณก็จะได้อาบรังสีของ Apple อย่างเต็มที่ กลายเป็นสาวกของ Apple กันไปเลยนั่นเอง

เอ้า โม้อยู่นาน มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

ภาพทั้งหมด ได้มาจาก http://live.gizmodo.com

To Gizmodo .. Thank for the Pictures

10.00 ตรงที่ California ตรงกับ เที่ยงคืนพอดีเป๊ะของประเทศไทย งานก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่ง Keynote Speaker ครั้งนี้ พูดเปิดโดย Phil Schiller ซึ่งเป็น Senoir Vice Presidnet ในส่วนของ Worldwide Product Market ซึ่ง Phil ก็กล่าวทักทายและพูดถึง Max OSX ที่ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2002 จนถึงปีนี้ก็มีอัตราผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า กลายเป็นกว่า 75 ล้านคนทีเดียว

พอพูดถึง Mac OSX ก็นึกว่าจะเปิดตัว Snow Lerpard .. OS ตัวใหม่ของ Apple กลับไม่ใช่ แต่ Phil กลับพูดถึง MacBook Pro ตัวใหม่ครับ

แบทเตอรี่รุ่นใหม่แบบเดียวกับที่ใช้ใน MacBook Pro รุ่น 17 นิ้ว ทำให้ชาร์จได้ 1,000 ครั้ง และอยู่ได้นาน 7 ชม. (ปล. แบททั่วๆไป ซัก 300 ครั้งก็เริ่มแย่แล้ว แถมสภาพดีๆยังอยู่ได้แค่ 3 ชม.)… คนกริ๊ดกันทั้งฮอล

หน้าจอแสดงเฉดสีได้มากกว่าเดิมอีก 60% .. Phil บอกว่าเป็นหน้าจอ Notebook ที่ดีที่สุดที่เราใช้ใน Notebook กันเลยทีเดียว

และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเอาคนกริ๊ดทั้งงาน… มันมี SD Card Slot ครับ… เป็นการกริ๊ดที่ผมรู้สึกว่า เออ แกน่าจะทำตั้งนานแล้ว คนอื่นเค้ามีกันจะ 2-3 ปีแล้ว

CPU ที่ใช้เป็น Intel Core2Duo ที่ความเร็ว 3.0Ghz และ โอ้แม่เจ้า L2 Cache 6Mb ครับ

แรมเป็น DDR3 ใส่ได้ “สูงสุด” ถึง 8Gb… Notebook ใช่ไม๊ครับพี่..

ตาราง ราคา ของ MacBook Pro ใน Series นี้…

ประกาศลดราคา MacBook Pro 17 นิ้วเหลือ 2,499$

MacBook ตัว 13 นิ้วก็ปรับด้วยครับ ปรับเป็น MacBook Pro รุ่น 13 นิ้วน่ะเอง แถมราคายังแค่ 1,199 แต่มีทุกอย่างคล้ายรุ่น 15 นิ้วทั้งหมด เช่นใส่แรมได้ 8GB , แบทเตอรี่แบบถอดไม่ได้ ,SD Card Slot

ราคาของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว.. ผมว่าตัว 2.26 Ghz น่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทน่า…เป็นเจ้าของ MacBook Pro ในราคา 46,900 บาท

ประกาศลดราคา MacBook Air ด้วย

ถัดจากการเปิดตัว MacBook Pro ทั้งหมด ก็ถึงคิวเปิดตัว Mac OSX ตัวใหม่ Snow Leopard. ซึ่งก่อนจะมาถึง Slide นี้ มีการจิกกัด Windows 7 ของ Microsoft ด้วยไว้ด้วย Video Keynote ออกครบ ผมจะเอามาแปลให้ดูกันครับ

Snow Leopard นำเสนอโดย Bertrand Serlet รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาซอฟท์แวร์ของ Apple

ใน Snow Leopard นั้น Apple ได้รื้อ Code เขียนใหม่กว่า 90% ทำให้มันเร็วจิ๊ดสุดๆไปเลยและเพิ่มเติมความสามารถลงไปเพียบ เช่น 3D Rendering ให้กับ Dock

ใส่ Expose เข้าไปใน Dock ทำให้เลือกเอกสารได้ง่ายขึ้น

ในด้านการ Install เราได้ทำให้มันเร็วขึ้นถึง 45% … ตรงนี้ทาง Gizmodo แซวว่า ปีนึงได้ใช้อยู่ 2 ครั้งเองมั้งจะทำไปทำไมฟระ

และเมื่อคุณติดตั้ง Snow Leopard คุณจะได้เนื้อที่คืนมากว่า 6Gb เลยทีเดียว.. เอ๊ะแล้วใน Leopard ตัวก่อน มันเอาไปใส่อะไรฟระ

ความเร็วในการเปิดรูป JPEG เร็วขึ้น 2 เท่า และ การเปิด PDF เร็วขึ้น 1.5 เท่า แต่ดูกราฟสิครับ พี่น้อง ลากมาซะยาวเว่อ

สามารถใช้ TrackPad เขียนภาษาจีนลงไปได้เลย

ความสามารถด้าน Mail ที่เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโปรแกรม , การค้นหา หรือการย้ายข้อความ อันนี้คนที่ใช้ Mail เป็นหลักจะรู้ซึ้งดี เวลามี Mail อยู่ซัก 3,000 กว่า Mail ค้างในเครื่องมันจะอืดขนาดไหน

Safari 4 ก็มีการพัฒนา ในการทดสอบ Safari 4 สามารถรันผ่านการทดสอบ SunSpider JavaScript ได้เร็วกว่าชาวบ้าน โห แล้วดู IE8 สิครับพี่น้อง จริงๆอยากจะบอกว่า ความเร็วในการโหลด Java อาจจะไม่ไช่เรื่องสำคัญเท่าความสามารถอื่นๆนะครับ เร็วไม่ได้แปลว่าดีนะ

ในการทดสอบ ACID 3 .. Safari ทำได้ 100 คะแนนเต็ม แต่ IE8 ทำได้แค่ 21 คะแนน (ปล. ACID 3 คือการทดสอบการแสดงผลที่ถูกต้องของ Browser แล้ว Safari ก็ไม่ใช่คนเดียวที่ทำได้ 100 เต็มใน ACID3 นะจ๊ะ Opera เค้าก็ทำมาแล้ว )

เปิดตัว Quicktime 10 โอ้โห โลโก้อวกาศโคตรๆครับ

เปลี่ยนหน้าตาของ Player นิดหน่อยโดยกาตัดขอบออก และเพิ่มความสามารถอื่นๆอีกมากมาย เช่น ColorSync , HTTP Streaming

การนำเสนอ Snow Leopard ยังคงดำเนินต่อไปครับ แต่เปลี่ยนมาเป็น Craig Federighi รองประธานส่วน Mac OS Engineering

ในหน้า Finder เราสามารถเล่นหนัง หรือ เปิด PDF File ไปทีละหน้า โดยการลากจากบน ICON ได้เลย ไม่ต้องเปิดมัน

การทำงานข้าม Application ทำได้อิสระมากขึ้น สามารถโยนรูปจากใน Finder ไปที่ Dock ลากจาก Dock ไปใส่ Mail อะไรก็ได้

กลับมาที่ Safari 4 อีกครั้งโชว์ความสามารถของ Java ที่รันได้เร็วมาก โดยการเปิด Google Map ให้ดู จากนั้นก็โชว์การเรียกแผนที่ในจุดต่างๆว่าทำได้เร็วมากๆ

Bookmark หน้าเว็บแล้วเก็บแบบ Cover Flow

กลับมาที่ Quicktime .. คุณสามารถเข้ามาตัดต่อไฟล์วีดีโอใน Quicktime แบบง่ายๆได้ ถ้าหากคุณไม่อยากยุ่งยากเข้าไปที่ iMovie

การนำเสนอกลับมาที่ Bertrand Serlet อีกครั้ง คราวนี้เค้าจะมาพูดถึงเทคโนโลยีระดับสูงที่ Snow Leopard รองรับ อย่างแรกเลยครับ มันเป็น 64Bit จึงรองรับ แรมที่สูงถึง 16 ล้าน Terabyte หรือ 16 Exabyte นั่นเองคร้าบ ใครจะมีแรงไปยัดแรมขนาดนั้นเนี่ย

และโปรแกรมหลักๆของ Snow Leopard ทุกตัว ทำงานแบบ 64 Bit ทั้งหมด จึงเร็วมาก

ปรับปรุงเรื่องการทำงานบบ Multi Thread ใหม่ ทำให้ลดการใช้งานของ CPU ลงเวลาไม่ได้ทำงาน

รองรับการประมวลผลภาพที่สูงถึง 1 Teraflop บน OpenGL

3 อย่างนี้รวมกันคือ พลังของคุณ .. ระบบ 64Bit , ระบบควบคุม Thread แบบ GCD และ OpenGL

และสามารถทำงานร่วมกับ Windows ได้อย่างไม่มีปัญหา (จริงหรอฟระ???)

ความสามารถในการเชื่อมกับระบบ MS Exchange ได้ผนวกเข้ามาใน iCal , Address Book และ Mail

ถึงตรงนี้ Apple ก็จิก Microsoft อีกรอบ ด้วยการกล่าวว่า ถ้าคุณอยากได้ความสามารถขนาดนี้ ซื้อ Windows อย่างเดียวไม่พอ ต้องซื้อ MS Exchange ด้วย โอว เปลืองจริงๆเลย คนฮาทั้งงาน

ราคาของ Snow Leopard แบบซื้อใหม่ราคาแค่ 129$ .. และถ้าจะ Upgrade แค่ 29$ หรือถ้าจะซื้อแบบ Family Pack ราคาแค่ 49$ …(อืมม Microsoft ครับ ช่วยคิดซักนิดนะครับ ว่าจะตั้งราคา Windows 7 ยังไงดี )

การนำเสนอกลับมาที่ Scott Forstall รองประธานฝ่ายพัฒนา iPhone Software

Scott ออกมาสรุปเกี่ยวกับผลงานของ iPhone และ AppStore ตั้งแต่เปิดตัวมา ก็คือ มีการดาวน์โหลดชุด SDK ไปสร้างโปรแกรมบน iPhone กว่า 1 ล้านครั้ง , มี iPhone และ iPod Touch ในตลาดกว่า 40 ล้านเครื่อง มีโปรแกรมอยู่ใน AppStore ถึง 50,000 โปรแกรมและมีการดาวน์โหลดไปติดตั้งกว่า 1 พันล้านครั้งแล้ว (โอ้แม่เจ้า)

จริงๆช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่น่าเบื่อมาก สำหรับการนำเสนอ เพราะเอาของเก่าตั้งแต่งาน MacWord Expo มาเปิด และก็นำเอา Partner ที่เขียนโปรแกรมบน iPhone 3.0 มาโชว์ความสามารถกัน ถึงแม้ว่าจะตื่นตาตื่นใจ แต่ก็เคยเห็นไปแล้ว ช่วงนี้ทำเอาหลายคนง่วงกันไปเลยครับ เอ้า แต่ก็มาดูกันหน่อยว่า iPhone 3.0 ทำอะไรได้บ้าง

เพิ่มความสามารถ Cut, Copy , Paste ซึ่งน่าจะมีตั้งนานแล้ว ฮ่วย…

เพิ่มการพลิกหน้าจอแบบ Landscape ที่ยังทำไม่ได้ในหลายโปรแกรมเช่น Mail , SMS , Note

แน่นอนรองรับ MMS แต่ว่าบน Operator ที่รองรับเท่านั้น และใช้งานได้บน 3G เท่านั้น

บรรดา Operator ทั่วโลกที่ผูกกับ iPhone แหม Logo TrueMove เด่นเป็นสง่ากลาง Slide เชียว

ถ้าใครใช้ Mac OSX ก็น่าจะคุ้นกับ Spotlight ดี มันเป็นโปรแกรมช่วยค้นหาไฟล์ใน Mac OS ซึ่งคราวนี้จะมาอยู่ใน iPhone เพื่อ ช่วยค้นหา Contact , Calendar , Mail และอื่นๆในเครื่องเราครับ

เชื่อมกับ iTune Store แล้วก็ซื้อหนังมาดูบน iPhone โดยตรงได้เลย

สำหรับบรรดาผู้ปกครองที่ซื้อ iPhone ให้ลูกหลานใช้ จะมีระบบ Parental Control เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลานใช้ Service ต่างๆในเครื่อง

รองรับการทำ Tethering หรือ การเสียบเข้ากับ PC แล้วทำหน้าที่เป็น Modem นั่นเอง (พึ่งจะมีเรอะพ่อคู้น…) รองรับทั้งแบบเสียบสายและ Bluetooth ครับ

Operator ที่รองรับการทำ Tethering ซึ่งมี TrueMove อยู่ด้วย แต่ที่น่าขำคือ ไม่มี AT&T ที่เป็น Operator หลักในอเมริกา ..

ทดสอบความเร็วในการรัน Java บน SunSpider ระหว่าง 2.2.1 กับ 3.0 จะเห็นได้ว่าเร็วขึ้นเกือบ 3 เท่าทีเดียว

มีระบบ Autofill ในกรณีที่คุณไม่อยากจะกรอกพวกชื่อ ที่อยู่ หรือ Email บ่อยๆ

รองรับระบบ Multi Language Keyboard ไม่อยากกะเชื่อครับ พี่น้อง Keyboard ไทยในงาน WWDC

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทำเอาคนกริ๊ดทั้งฮอลอีกครั้ง Find My iPhone ซึ่งจะให้บริการสำหรับคนที่ใช้ MobileMe ของ Apple เท่านั้น

ทันทีที่เครื่องของคุณหาย คุณสามารถส่งข้อความไปเพื่อให้คนเก็บเครื่องติดต่อกลับก็ได้

ค้นหาว่าเครื่องของคุณอยู่ตรงไหนของโลกด้วย Google Maps

หรือถ้ามันไม่คืนเรา ก็สามารถลบข้อมูลทั้งหมดจากระยะไกลไปเลยก็ได้ หนอยแน่ะ (ทำไมไม่ทำระเบิดตัวเองไปเลยล่ะพี่)

กลับมาพูดถึง AppStore กันต่อ Scott กล่าวว่า การที่คุณเขียนโปรแกรมให้กับทาง AppStore นั้น มีข้อดีต่างๆดังต่อไปนี้ เช่นตั้งราคาโปรแกรมเอาเองเลย , รายได้ 70% เป็นของคุณ , ไม่มีการชาร์จค่า Credit Card และจะจ่ายเป็ยรายเดือน

การเขียนโปรแกรมบน iPhone ก็ง่ายมากๆ เพราะ Apple เตรียม API ไว้เชื่อมต่อกับตัว OS ให้หมดแล้ว หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆก็ตาม

อย่างความสามารถของ Google Maps ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการ แพนหรือซูม , เปลี่ยนมุมมอง , ค้นหาที่อยู่ปัจจุบัน หรือแปลงที่อยู่เป็นค่า Lat/Long

เป็นชุด SDK ที่เพียบพร้อมมากๆ ซึ่งต่อจากนี้จะเป็น ตัวอย่างโปรแกรมที่ทาง Apple ส่งตัว iPhone SDK 3.0 ให้กับทางนักพัฒนาและนำเอาผลงานมาโชว์กันครับ

เกม Asphalt 5 เกมขับรถที่ใช้พลัง Graphic ของ iPhone อย่างสมบูรณ์ที่สุด เรียกได้ว่า ค่าแสงเงา , เชดสี , 3D Model เอามาใช้กันจนครบ

ถัดมาเป็นผลงานของ AitStrip Technology ซึ่งแปลง iPhone เป็น Sensor ในการวัดค่าสภาพร่างกาย และส่งข้อมูลไปให้แพทย์ได้

ถัดมาเป็น Scroll Motion เจ้านี้ทำเรื่อง ebook อยู่ในตลาด มีหนังสืออยู่กว่าล้านเล่มในร้านเลยทีเดียว มาโชว์ระบบการซื้อหนังสือ Digital แบบออนไลน์แล้วก็โชว์การอ่าน eBook แบบง่ายๆให้ดูกัน

เจ้าต่อมาเป็น TomTom ซึ่งเป็นระบบ Car Navigation ในรถครับ คิดซะว่าเป็น Garmin for iPhone ก็พอได้ ที่เด็ดคือ มีขายชุด TomTom Carkit ด้วย เห็นบอกว่าเอาไว้ดูหนังฟังเพลงในรถก็ได้ หรือจะใช้เป็น GPS System ก็ได้

ค่าย NG Mogo เอาเกม Star Defence มาอวดครับ รูปแบบเกมเหมือนพวกเกม Tower Defence ทั่วไป แต่หน้าตาคล้ายๆกับ Super Mario Galaxy ครับ

ถัดมาก็เป็น Pasco ครับ บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ โดยที่โปรแกรม Pasco ของเขาจะแปลงให้ iPhone เป็น Sensor Detector เพื่อใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆ

ต่อไปเป็น ZipCar ครับ เป็นบริการเช่ารถ ซึ่งถ้าเปิดโปรแกรม มันจะแสดงแผนที่ให้เห็นเลยว่ามีศูนย์ ZipCar อยู่ตรงไหนบ้าง และแต่ละสาขามีรถอะไรบ้าง และถ้าคุณอยากจะจองรถ ก็สามารถจองออนไลน์ผ่านทาง iPhone ได้เลย จากนั้นคุณก็ตรงไปที่รถ กดปลดล็อคประตูผ่านทาง iPhone แล้วก็ขับรถออกไปได้เลย โอ้แม่เจ้า นี่สิแจ๋วจริง

Line6 กับ Planet Wave มาในโปรแกรม ChordMaster โปรแกรมที่จะเปลี่ยนให้ iPhone ของคุณเป็น Effector สำหรับกีต้าร์

และสำหรับ iPhone OS 3.0 นี้ ก็จะพร้อมให้ดาวน์โหลดทั่วโลกวันที่ 17 มิถุนายนนี้ครับ ซึ่งถ้าใครใช้ iPhone แบบถูกกฏหมายก็จะ Upgrade ได้ฟรีๆ ส่วน iPod Touch ต้องเสียค่า Upgrade 9.95$ ครับ

จบจากการนำเสนอ iPhone OS 3.0 ก็มาต่อกันด้วย iPhone ตัวใหม่จาก Apple ครับ นั่นก็คือ iPhone 3GS โดยที่ S ย่อมาจาก Speed ..ทาง Apple กล่าวว่านี่คือ iPhone ที่เร็วที่สุดที่ Apple เคยทำมาเลยทีเดียว

เปิด Msg ได้เร็วกว่าเดิม 2.1 เท่า / โหลด Simcity เร็วกว่าเดิม 2.4 เท่า / เปิดไฟล์ Excel เร็วกว่าเดิม 3.6 เท่า / และเปิดหน้าเว็บ NY Times เร็วกว่าเดิม 2.9 เท่า

หน้าตาเหมือนเครื่อง iPhone 3G ตัวเก่าเด๊ะ…

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆก็มีกล้อง 3.0 Megapixel และ ระบบ Autofocus, Auto Exposure และ Auto Macro ทำให้ถ่ายในที่มืดได้ดีขึ้นมากรวมถึงถ่ายแบบ Macro ได้ 10 Cm ครับ

และที่สำคัญ มันถ่ายวีดีโอได้แล้วครับ .. 30เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 640 x 480 พร้อมเสียง

ถ่ายเสร็จก็ตัดต่อวีดีโอ แล้วส่งได้เลย จะ Email / MMS หรือขึ้น Youtube กับ MobileMe ก็ย่อมได้

อีกหนึ่งความสามารถคือ การสั่งการทางเสียงครับ จะโทรหาคน , จะให้เล่นเพลง , จะถามเพลงที่เล่นอยู่ ก็ทำได้ อันนี้คนไทยคงทำได้ยากหน่อย รวมถึงเพลงไทยด้วย

มีเข็มทิศ Digital มาให้ในตัว พร้อมกับโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกัน

แบทเตอรี่อยู่ได้นานกว่า iPhone 3G แบบเก่า โดยรวมๆประมาณ 10-30%

ตอนประกาศราคานี้แหละครับ ทำเอาคนกริ๊ดทั้งฮอล… iPhone 3GS รุ่น 32GB ราคา 299$ , iPhone 3GS รุ่น 16GB ราคา 199$ พร้อมกับลดราคา iPhone 3G รุ่นเก่าแบบ 8Gb เหลือแค่ 99$ ครับ

คนกริ๊ดสนั่นฮอลแบบถล่มทลาย

สำหรับการวางจำหน่าย iPhone 3GS จะมาในวันที่ 19 มิถุนายน ที่จะมาถึงนี้ครับ

ส่วนของประเทศไทยจะมาในช่วงสิงคาคม ปี 2009 ครับท่าน…

พร้อมด้วย Ads ตัวใหม่จากทาง Apple ขอเชิญชมได้เลยครับ

[media id=12 width=540 height=304]

สุดท้ายแล้วขอบคุณ Blognone.com Gizmodo.com และ UStream.tv สำหรับ Live Blogging และ Live Stream มากๆครับ

Check Also

การเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ทำให้อยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง

นี่คือความรู้สึกของผมจริงๆ ตอนที่นั่งฟังอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ต้องเล่าให้ฟังก่อน ที่ ม.กรุงเทพเนี่ย เป็นมหาวิทยาลัยที่จะใช้ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นแกนกลางแล้วนำไปผสานกับเทรนด์อื่นๆของโลก เพื่อสร้างเป็นหลักสูตร …

18 comments

  1. mac ราคาน่าสอย มากที่ที่ออฟฟิตใช้ pc กันหมด

  2. OS3 ทำอะไรได้อีกเยอะเลย
    ส่วนราคา iphone 3Gs อยากรู้เหมือนกันว่าเข้าไทยแล้วจะอยู่ที่เท่าไร
    อยากจะเปลี่ยนมาใช้ iphone บ้างแล้วสิ

    ป.ล อาจารย์แปลเดือนวันออกจำหน่าย iphone ผิดรึเปล่า ไม่ใช่ 19 มิถุนายนเหรอครับ

  3. เออแฮะ แปลมาทั้งคืน ท่าจะเบลอหนัก เดี๋ยวแก้ให้ครับ

  4. very good article and very fast update kub.
    fully support! +1000000 kub

  5. รีวิวได้ละเอียดมากเหมือนไปงานมาเลยครับ
    Macbook pro 13 นิ้ว น่าใช้มากครับ

  6. ข้างบนมีการเข้าใจผิดนะครับ ตรง 16 Billion นี่ไม่ใช่ 16 GB นะครับ แต่เป็น 16,000 GB หรือ 16 Terabytes ครับ

  7. งานนี้ ถูกใจอยู่สองอย่าง แมคบุ๊ครุ่นใหม่กับคีย์บอร์ดไทยบนไอโฟน

  8. ขอบคุณมากครับ รีวิวเล่าแบบละเอียดจริงๆ

  9. พระเจ้า iPhone 99 $ !!!!!!! แล้วคนที่ซื้อกะทรูมูฟ 2 หมื่นกว่าๆนั่นไม่คลั่งตายแล้วเหรอ
    คนที่หิ้วเข้ามาแล้วยังขายไม่ออกล่ะ OMG!!

  10. 64-bit ตามทฤษฏีไม่ใช้ 16 TB นะครับ แต่เป็น 16 exabyte = 17.2 billion gigabytes

    The emergence of the 64-bit architecture effectively increases the memory ceiling to 264 addresses, equivalent to approximately 17.2 billion gigabytes, 16.8 million terabytes, or 16 exabytes of RAM.

    http://en.wikipedia.org/wiki/64-bit

  11. พิมพ์ไทยได้สักที ดีจัง ~0~

  12. ขอบคุณอย่างลึกซึ้ง

  13. คือว่า อัตราการแลกเปลี่ยนมันเท่าไรแน่คับ ใช่ 35฿ ต่อ 1$ ปะคับ
    คือผมประมาณราคา mac pro 13 1200$ มันประมาณ 42000฿ ไม่ใช่หรือครับ
    ไหงมันกลายเป็น 47000฿ ได้อ่ะครับ – -“

  14. แล้วถ้าผมคำนวณไม่ผิด
    จะสั่งซื้อทาง net มาจะถูกกว่าไหมครับ
    ค่าต่างกันราวๆ 5000฿ อ่ะครับ

  15. ชอบบทความครับ

  16. สุดยอดมากเลยครับ…ทำให้อยากได้มาครองซักเครื่องเปลี่ยนกับเครื่องเก่าเลย..ฮ่าๆ ไปใช้แมค ดีกว่าเว้ย..น่าจะสนุกดี..

Leave a Reply