Home -> Blog -> แนวทางการใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่
Businessman working with laptop on new projects

แนวทางการใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่

Social Media มันผสานเข้ากับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่กันแบบแยกไม่ออกไปแล้ว นับวันผู้ใช้มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นและขยายขอบเขตของอายุที่เข้ามาใช้งานมากขึ้น ผมก็เลยอยากจะเขียนแนวทางการใช้งาน Social Media อย่างเป็นประโยชน์และปลอดภัยสำหรับคนรุ่นใหม่ฝากเอาไว้ซักหน่อย  เพราะหลังจากที่อ่านและเสพเรื่องราวบน Feed มาซักพัก ผมได้พัฒนา แนวทางการเล่น Social Media แบบที่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้นเยอะ เลยลองสรุปมาเป็นข้อๆ เผื่อลองไปทำตามกันดู ชีวิตจะได้มีความสุขขึ้น ไม่ใช่เล่นไปแล้วรู้สึกหดหู่ เหมือนโลกนี้ไร้ซึ่งความหวัง

picture of angry woman shouting at phone

อย่าเล่น Social Network ด้วยอารมณ์

การเล่น Social Network .. เรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เราพบปะผู้คน แต่เราไม่เจอหน้าผู้คน เราพูดคุย แต่เราไม่ได้ส่งเสียง แต่ปฏิสัมพันธ์ แต่สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงแค่ตัวหนังสือ หรือภาพแค่ภาพเดียว บางครั้งเรื่องราวเหล่านั้น ไม่ได้ถูกถ่ายทอดมาจนหมด ไม่ได้ถูกนำเสนอให้ครบทุกแง่มุม บางครั้งถูกปรุงแต่งมาซะจนคนอ่านหลายๆคนของขึ้น โมโห แชร์ต่อ ด่าทอ สาปแช่ง ทั้งๆที่ตัวเราเองยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นด้วยซ้ำ

พอเราส่งต่อความโกรธ ความเกลียดชัง ความไร้เหตุผล ออกไป คนที่รับไม้ต่อก็ขยายผลต่อไป เปรียบเสมือนโยนหินลงน้ำแล้วแรงกระเพื่อมก็กระจายวงต่อไปเรื่อยๆ กลายเป็นแรงกระเพื่อมแห่งความเกลียดชังไปเรื่อยๆ

ดังนั้น ก่อนที่เราจะ Comment หรือ Share ข้อความอะไร นอกจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ตรวจสอบอารมณ์ของเราก่อนนะครับ ว่าเราอยู่ในสถานะอารมณ์ที่ถูกต้องพอที่จะไปตัดสินเรื่องนั้นได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่า อารมณ์กำลังขึ้นเต็มเหนี่ยวเลย ก็คลิกปิดไปก่อนเถอะครับ ซักวันนึงตอนคุณย้อนกลับมาอ่านสิ่งที่ตัวเอง Comment หรือ Share ออกไป มันอาจจะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียใจให้คุณไปตลอดชีวิตก็ได้

Took this as I was removing half of my Facebook friends. High contrast seems to suit this sort of thing.

รับแต่ข่าวสารเชิงบวก ใครไม่ดี Hide / Unfriend ไปเถอะนะ

ข่าวสารเชิงบวกนี่พูดยากนะครับ ว่าอะไรมันบวก อะไรมันลบ … บางทีนอกจากข่าวสารเชิงบวกแล้ว ยังมีข่าวสารชวนบวกด้วย แบบบางทีอ่านแล้วอยากจะบวกสวนคนที่โพสต์จริงๆเลย อะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นเนื้อหาสไตล์ ชวนให้หดหู่ ภาพศพ ภาพสัตว์โดนทรมาน อะไรพวกนี้ ผมจะหลีกเลี่ยงการ Post ต่อ เพราะอะไร เพราะคนที่เค้าเป็นเพื่อนเรา เค้าอาจกินข้าวอย่างมีความสุขอยู่ เจอ Post แบบนี้เข้าไปก็มีข้าวพุ่งได้นะครับ สรุปแล้วก็คือ เมื่อเราปิดรับข่าวสารเชิงลบ แล้ว Feed ของเราก็จะมีแต่เรื่องดีๆ แชร์ไปก็มีแต่เรื่องดีๆ คนอื่นก็อยากจะมาตาม Follow เรา หรืออยากจะอ่าน Post ของเรามากขึ้นยังไงล่ะครับ

และบางทีสำหรับ ใครที่ชอบ Share อะไรที่มันเป็นเรื่องแบบนี้มาบ่อยๆ ส่วนใหญ่ผมจะ Hide ไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องมาเห็นอีก  และถ้ามาแบบรัวๆ ที่ Unfriend + Block ยาวกันเลยทีเดียว

สิทธิพิเศษของโลก Social Network ก็คือ เราไม่ชอบอะไร เราเลือกที่จะรับสารนั้นได้นะครับ อย่าได้เกรงใจกันมาก เสียความรู้สึกเปล่าๆ

SNAG-0419

อย่าทำให้ Profile ดูเป็นคนไม่ดี (ขี้บ่น / Post หื่น / คำหยาบ / ความรุนแรง )

Profile ในโลกออนไลน์ ก็จะเป็นภาพสะท้อนนิสัยที่แท้จริงของคุณด้วย  คุณ Post อะไรบ่อยๆ คนรอบข้างก็จะคิดว่า “คุณเป็นคนแบบนั้น”

ถ้าคุณ Post บ่อยว่ามาทำงานสาย คนก็จะรับรู้ว่าคุณไม่รักษาเวลา

ถ้าคุณ Post ว่าแอบโดดงาน คนก็จะรับรู้ว่า คุณไม่รับผิดชอบ

ถ้าคุณ Post บ่นแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ผู้คนก็จะรับรู้ว่า คุณขี้บ่น ไม่มีความอดทน

เราอาจจะทำสิ่งเหล่านั้นจริง หรือ เป็นคนแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องสำคัญก็คือ อย่าเอาเรื่องไม่ดีไปโพสต์บนโลกออนไลน์ มันจะอยู่บนนั้นอย่างยาวนาน และถ้าพลาดท่าทีเดียว ลบก็ไม่หายไปไหนด้วย มันจะค้างฟ้าและถูกผู้คนจำนวนมากส่งต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

กลับกัน

ถ้าเราโพสต์แต่เรื่องให้ความรู้ ประสบการณ์ในการทำงาน ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต เล่าแง่มุมที่น่าสนใจ ผู้คนรอบๆตัวคุณจะมองว่า คุณมีชีวิตที่ดี และน่าสนใจมากขึ้นนั่นเองแหละครับ

อ้อ เข้าไปแก้ไข Facebook Profile ให้มันดีๆด้วยนะครับ

  • กรอกชื่อ นามสกุล ให้เป็นทางการ อย่าใช้ชื่อเล่น หรือชื่อลงท้ายว่า น่ารักจัง / หล่อมาก หรืออะไรที่มันชวนอ่านแล้วรู้สึกว่า ดูไม่ค่อยจริงจังเอาซะเลย
  • กรอกข้อมูลการศึกษาให้ครบๆ
  • ถ้าหากผ่านการทำงานที่ไหนมาก็ใส่เข้าไปให้หมด
  • หากเป็นเจ้าของกิจการตัวเองก็กรอกรายละเอียดให้ครบๆ ด้วย แหม่ ผมเจอ Profile หลายๆคนเป็นเจ้าของกิจการพันล้าน ที่ไม่รู้ไปอยุ่ตรงไหนของโลกก็มี

Businessman working with laptop on new projects

เลิก “เล่น” Social Media แต่หันมาทำงานโดยใช้ Social Media บ้าง

เราชอบเล่น Facebook / Youtube / LINE เพราะว่าเราได้ เล่น มัน เราใช้มันเพื่ออ่านเรื่องสนุกๆ แต่ถ้าอยากก้าวไปอีกขั้นของการเล่น คุณต้องหันมาใช้งานมันในการทำงานบ้าง สิ่งที่ผมทำโดยการใช้ Social Media ในการทำงานก็มีดังต่อไปนี้ครับ

  • ผมใช้ Facebook Group ในการจัดตั้งกลุ่ม เพื่อการคุยงานในเกือบๆทุกเรื่อง ข้อดีของการใช้ Facebook Group ก็คือ ข้อมูลไม่รั่วไหล / ทุกคนเล่น Facebook อยู่แล้ว มีโอกาสเช็คกันทุกคน / และใน Facebook Group นั้นสามารถเพิ่มการแชร์ไฟล์จาก Dropbox ได้เลย
  • ผมสร้าง Profile การทำงานใน Linkedin.com ที่เป็น Social Network ของมืออาชีพด้านการทำงานและหางานโดยเฉพาะ เชื่อหรือไม่ว่า HR เก่งๆ ที่อยากได้คนเก่งๆ จะมาควานหาคนจากใน Linkedin.com ผมมีเพื่อนที่โดน Recruit ไปทำงานบริษัทใหญ่ๆต่างประเทศเพราะเอา Profile มาใส่ใน Linkedin.com นี่แหละ
  • หัดใช้งาน IFTTT บริการที่จับแพะชนแกะ ระหว่าง Social Network แล้วกลายเป็นความสามารถแปลกๆมากมาย ลองคลิกดูวิธีใช้งานได้ที่นี่ครับ
  • นั่งดูวีดีโอ TED.com ให้ได้วันละ 1 ตอน ซึ่ง TED เป็นงานบรรยายระดับโลกที่จัดขึ้นมาเพื่อแชร์ความรู้ที่น่าสนใจจากมืออาชีพทั่วโลก เรื่องที่ TED พูดมีครบทุกแนว วิทยาศาสตร์ , ดนตรี , สังคม , การพัฒนาตัวเอง หรือแม้แต่เรื่องกวนตีนชาวบ้านระดับโลก
  • ถ้านั่งดูจนถึงขีดสุดแล้ว ลองหันมาแปล TED ซักตอน ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก เพราะ TED เปิดโอกาสให้คุณแปล Subtitle เป็นภาษาอะไรก็ได้ เท่านี้คุณก็ได้ฝึกภาษาอังกฤษแถมได้ทำประโยชน์ให้สังคมออนไลน์อีกต่างหาก

maxresdefault (4)

เปลี่ยนจากผู้เสพ เป็น ผู้สร้าง

ในวงการอินเทอร์เน็ตเค้าจะมีชื่อเรียก คนกลุ่มนึงว่า ROM ครับ ย่อมาจาก Read Only Member .. แปลว่าเป็นคนที่อ่านอย่างเดียว ไม่ได้สร้างเนื้อหาใดๆ เลย ถ้าคุณทำตาม 4 ข้อข้างบน ผมว่าเราเป็นผู้เสพที่ดีแล้วล่ะ แต่จะดีกว่า หากเราอัพเกรดตัวเองกลายเป็นผู้สร้างด้วย ตอนนี้การเป็นคนสร้างเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต หรือที่เราเรียกอาชีพว่า Blogger เนี่ย ก็เป็นงานที่น่าสนใจมิใช่น้อย เพราะเป็นการนำเสนอความชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งของเราให้คนกับที่เข้ามาอ่าน

และเดี๋ยวนี้การเป็น Blogger ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้งานด้านเทคนิคมากเท่าแต่ก่อนแล้วครับ เพราะจากการที่มีบริการฟรีมากมาย เช่น Storylog.co , Blogger.com , WordPress.com , Medium.com ทำให้เราสามารถแปลงร่างตัวเองจากนักอ่านกลายเป็นนักเขียนมืออาชีพได้ง่ายมากๆ เผลอๆกลายเป็นนักเขียนนิยาย ขายได้ หาเลี้ยงตัวเองผ่านงานเขียนได้อีกต่างหาก

หรือ ถัาไม่ถนัดงานเขียน ชอบง่ายถ่ายภาพ ตอนนี้ เว็บดังๆ มากมายก็เป็น Market ให้คุณสามารถขายภาพถ่ายของคุณได้ (iStockPhoto / SmugMug / Alamy / PhotoShelter / Shutterstock) เว็บเหล่านี้เป็นตลาดซื้อขายสำคัญทั้งนั้น บางคนขายภาพเดียวเที่ยวทั่วโลกก็มีนะครับ เหอๆๆๆ

เอ้า งานเขียนไม่ถนัด งานถ่ายภาพก็ไม่เก่ง ก็อาจจะเก่งงานพูดแทน ก็ไปเปิด Youtube Channel ทำรายการออนไลน์ครับ จุดเด่นของรายการออนไลน์บน Youtube ก็คือ ค่าทำรายการไม่แพงมาก ไม่ต้องเว่อวังอลังการ์ก็สามารถเรียกยอดวิวเป็นล้านได้ หากเนื้อหาน่าสนใจ สิ่งสำคัญก็คือ ลงทุนเรื่อ

ไมโครโฟนให้ดีๆ + กล้องมือถือ + โปรแกรมตัดต่อง่ายๆ แค่นี้ก็ทำ Youtube Channel ได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญก็คือ เนื้อหาที่จะนำเสนอ มันน่าสนใจหรือเปล่าเนี่ยแหละครับ

c-internet-by-cat (2)

Sponsored Post

ปิดท้ายด้วยข้อความโฆษณาจาก Sponsor ครับ หากคุณจะใช้งาน Social Media ให้มันดีๆ เร็วๆ ก็ต้องใช้คู่กับ Internet แบบ Fiber Optic นี่แหละครับ ตอนนี้ C internet ก็เป็นผู้ให้บริการ Internet แบบ Fiber Optic ที่มีโครงข่ายทั่วประเทศไทย ราคาสมเหตุผล มี Package ให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ รวมถึงมี IP จริงให้เช่าใช้งานด้วย สำหรับองค์กร ใครสนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://catinternet.com/service.php?contentid=8

Check Also

การเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ทำให้อยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง

นี่คือความรู้สึกของผมจริงๆ ตอนที่นั่งฟังอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ต้องเล่าให้ฟังก่อน ที่ ม.กรุงเทพเนี่ย เป็นมหาวิทยาลัยที่จะใช้ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นแกนกลางแล้วนำไปผสานกับเทรนด์อื่นๆของโลก เพื่อสร้างเป็นหลักสูตร …