Home -> Review -> รีวิว Dyson Fluffy DC74 เครื่องดูดฝุ่นสุดเว่อวังอลังการ

รีวิว Dyson Fluffy DC74 เครื่องดูดฝุ่นสุดเว่อวังอลังการ

ปัญหาของคนที่เลี้ยงหมาในคอนโดแบบผม ก็คือขนหมาจะปลิวกระจายรอบบ้าน ชนิดที่ว่า นั่งตรงไหนก็เจอ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมจะทำความสะอาดบ้านด้วยหุ่นยนต์ทำความสะอาด iRobot อยู่แล้ว ข้อดีของพวก iRobot ก็ไม่มีอะไรมาก พื้นสะอาดโดยที่ไม่ต้องใส่ใจมาก มันวิ่งของมันทุกวันสบายดี แต่พื้นที่นอกจากพื้นนี่ ไม่รู้จะไปทำความสะอาดยังไงจริงๆครับ

DSC03089

สุดท้ายทางออกของการทำความสะอาดบ้านก็ยังคงต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือ ไอ้เครื่องดูดฝุ่นแบบเก่าที่เราใช้กัน มันโคตรหนัก ลำบากลากสายไปมารอบห้อง ซึ่งความรู้สึกที่ต้องลากเครื่องดูดฝุ่นไปตามบ้านแล้วสายไฟมันไปติดโน่นนี่ ผมเชื่อว่าพ่อบ้านหลายท่านน่าจะเข้าใจ แถมไอ้ก้านสำหรับดูดบางทีก็สั้นไป แต่ท่อก็อย่างยาก การจะยกขึ้นไปดูดจุดที่อยู่สูงๆของบ้าน นี่แบบโคตรทรมาณ สุดท้ายเลยเป็นเรื่องงานเข้าต้องไปหา เครื่องดูดฝุ่นที่มีน้ำหนักเบาและสามารถให้ที่จะยกเพื่อทำความสะอาดตามจุดต่างๆของบ้านได้ง่ายๆ หลังจากที่เดินไปเดินมาอยู่นาน ก็มาโดน Dyson Fluffy DC74 ตัวนี้แหละครับ

SIR-JAMES-DYSON_2742198b

ถ้ายังจำ Blog เก่ากันได้ ผมเคย รีวิว พัดลมไร้ใบของ Dyson ไป ซึ่งหลังจากที่ลองทำการบ้านบวกอ่านข้อมูลของท่านเซอร์ไดสันเลยทำให้สนใจเทคโนโลยีของสินค้าแกมากขึ้น เพราะพี่แกให้อารมณ์เหมือน Tony Stark ของวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านยังไงชอบกล และสินค้าสร้างชื่อของแกก็คือ เครื่องดูดฝุ่นที่ไม่เหมือนใครนี่แหละครับ ลองนึกดูสิครับ สร้างเครื่องดูดฝุ่นและเทคโนโลยีระดับ Advance มากมาย จนได้รับตำแหน่งท่านเซอร์จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษเลยนะ มันธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะเนี่ย

 

Dyson Fluffy เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายที่ทำงานผ่าน Battery .. แต่หลายคนที่เคยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบพกพามาก่อนอาจจะพบเจอปัญหานั่นก็คือ มันเอาไว้ดูดขำๆในที่เล็กๆเท่านั้นแหละ หวังผลใช้งานระดับดูดฝุ่นในบ้านไม่ได้หรอก พลังมันไม่ถึง แต่ผมอยากจะบอกเลยว่าเจ้า Dyson Fluffy DC74 ตัวนี้มันไม่ธรรมดาครับ เพราะหลังจากที่ทดลองใช้งานบวกอ่านข้อมูลเรื่องเบื้องหลังการวิจัยเจ้าเครื่องดูดฝุ่นตัวนี้ แทบจะต้องกราบชาบูอูราให้ทีมวิศวกรเลยล่ะครับ

อย่างแรกเลย สิ่งที่ทำให้เจ้านี่มีแรงดูดมหาศาลก็คือ มอเตอร์บวกเทคโนโลยีด้านแอโร่ไดนามิกและความรู้ด้านวิศวกรรมจำนวนมากของทีมงาน Dyson ที่สร้างให้มอเตอร์ตัวเล็กๆขนาดนี้ ปั่นได้ด้วยความเร็ว 110,000 รอบต่อนาที ซึ่งถ้าเทียบกับมอเตอร์ของเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดเท่ากัน พวกนั้นหมุนด้วยความเร็วแค่ 25,000 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง และด้วยน้ำหนักของมอเตอร์ที่เบามาก เลยทำให้มันกลายเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาที่มีกำลังดูดแรงโคตรๆนั่นเองครับ เสียงตอนเปิดเครื่องนี่อย่างกะเครื่องบินเจ็ต!!

DSC03118

นอกจากนั้นยังไม่พอ หลังจากที่มอเตอร์ทำการสร้างแรงดูดแล้ว ในตัวแชมเบอร์ทาง Dyson ได้ใส่เทคโนโลยีที่ชื่อ  2 Tier Radial™  เข้าไปด้วย ซึ่งเจ้าท่อไซโคลนขนาดเล็กๆนี่ จะช่วยให้พลังในการดูดฝุ่นแรงต่อเนื่องตลอดการทำงานครับ ลองจินตนาการถึงการดูดฝุ่นจากเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป มอเตอร์จะทำงานอยู่หลังสุด สร้างแรงดูด เพื่อดูดฝุ่นเข้ามา และฝุ่นก็จะติดอยู่กับ Filter ดังนั้น เมื่อดูดไปซักพัก กำลังในการดูดจะลดลงเนื่องจากฝุ่นอัดเต็ม Filter นั่นเอง

ระบบ 2 Tier Redial ของทาง Dyson จะช่วยสร้างแรงลมหมุนเหมือนพายุเล็กๆในตัวแชมเบอร์ที่ใช้ดูดฝุ่น เพื่อปั่นให้ฝุ่นตกลงมายังถังเก็บฝุ่นและไม่ทำให้แรงดูดฝุ่นลดลงนั่นเองครับ

DSC03123

อีกเรื่องที่รู้สึกว่า Dyson นี่บ้าพลังมากคือ จำนวนหัวต่อสำหรับแปลงร่างในการใช้งานโหมดต่างๆครับ คือ จะมุมเล็กใหญ่ ช่องเลี้ยวยากแค่ไหน พี่แกมีหมด แต่หัวต่อยังสามารถต่อได้ทุกระยะของตัวท่อด้วย จะเสียบหัวไหนเข้ากับตัวที่ดูด หรือ ต่อเพิ่มระยะกับท่อก็ทำได้เลย

 

ในบรรดาหัวดูดฝุ่นทั้งหมด เจ้านี่ Fluffy นี่คือหัวที่เทพที่สุดครับ มันเป็นหัวที่ทำจากไนล่อนทอนุ่มที่ผสานกับเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตนั่นเอง เป็นหัวที่ทาง Dyson วิจัยแล้วว่าสามารถที่จะเกี่ยวเอาเศษขยะ ฝุ่น ผง ทุกรูปแบบขึ้นมาจากพื้นได้อย่างง่ายดายมาก ตอนผมเห็นหัวแปรงครั้งแรกผมนี่นึกว่า Optimus Prime แปลงร่างมาก สีอย่างใช่อ่ะ

DSC03114

ซึ่งขนหมาเนี่ย มันเป็นของที่เครื่องดูดฝุ่นดูดขึ้นมาได้ยาก เอาแค่พื้นธรรมดา มันก็ดูดไม่ค่อยขึ้นแล้ว อาจจะเพราะว่าขนหมามันจะเหมือนมีอะไรที่ทำให้เกี่ยวติดพื้นอยู่ด้วย ยิ่งพรมไม่ต้องพูดถึง แทบจะดูดไม่ขึ้น ต้องเอาพรมไปตบๆ หวดๆ ตรงระเบียงเพื่อให้ขนหมาหลุดร่วงลงมาแทน แต่กับเจ้าหัว Fluffy ผมใช้ดูดขนหมาจากบนโซฟาเลยครับ

อันนี้เป็นวีดีโอทดสอบการใช้หัวดูด Fluffy กับการดูดขนหมาจากที่นอนพวกมัน ทุกที ต้องลากเอาทีนอนไปตบตรงระเบียง แต่เนื่องจากเป็นคอนโด 16 ชั้น จะให้ตบฝุ่นจากฟากฟ้าไปลงหัวคนก็ใช่เรื่อง เลยต้องมานั่งดูดฝุ่นกันนี่แหละครับ ผมใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีก็สามารถจัดการได้หมดนะครับ ไม่ได้เหนื่อยมากอะไร

IMG_0734

ตัวเครื่องสามารถปรับโหมดการดูดได้เหมือนเปิดเทอร์โบครับ ถ้าเป็นโหมดทำงานแบบปกติ ตัวเครื่องสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 17-20 นาทีด้วยกัน แต่ถ้าคุณสับไก พร้อมกดปุ่ม Max ด้านหลังมอเตอร์มันจะเหมือนยิงไนตรัสแล้วเพิ่มกำลังดูดขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องแลกกับจะใช้งานได้ต่อเนื่องเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น

IMG_0729

ตรงถังเก็บฝุ่นจะเห็นขีด Max อยู่ ซึ่งถ้าพวกฝุ่นหรือขยะสะสมจนสูงขึ้นระดับ Max ก็เอาไปเททิ้งเท่านั้นเองครับ

 

IMG_0732 (1)

สำหรับการดูแลรักษาก็ค่อนข้างง่าย อย่างแรกเลยเวลาเราจะแกะเอาตัวถังเก็บฝุ่นไปทิ้ง ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นเราจะต้องเอาถูง Filter ไปสะบัดๆ เทๆตรงถังขยะ แล้วฝุ่นก็ฟุ้งกระจายใช่ไหมครับ โคตรเกลียดความรู้สึกนั้นเลยนะ แต่ Dyson ได้ทำประตูสำหรับทิ้งขยะมาให้ที่ตรงถังเก็บฝุ่นเลย พอเต็ม ก็ปลดล็อค เปิดฝา แล้วเอาตัวเครื่องไปเคาะๆ ทิ้งฝุ่นออกตรงถังขยะได้เลย ทำให้ขั้นตอนการทิ้งขยะง่ายกว่าเดิมมากครับ

สำหรับ Filter ก็สามารถล้างน้ำทำความสะอาดได้เลยครับ ถ้าคุณดูดทุกวัน ก็ล้าง Filter เดือนละครั้ง สำหรับหัว Fluffy ก็สามารถแกะมาล้างทำความสะอาดได้ตามวีดีโอนี้เหมือนกัน

หลังจากที่ทดสอบใช้งานในฐานะพ่อบ้าน ก็พบข้อดีดังต่อไปนี้ครับ

  • เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพา ไม่มีสาย เลยทำให้สะดวกมากในการใช้งานทำความสะอาด คอนโด ห้อง หรือในที่ๆเราเสียบสายไฟไม่ได้อย่างในรถอะไรแบบนี้
  • หัวเปลี่ยนสารพัดประโยชน์ช่วยทำให้ดูดได้ทุกมุม หลักๆ ผมใช้หัวดูด Fluffy , หัวดูดท่อแหลมๆไว้ดูดตามซอก แล้วก็หัวเฉียงๆไว้ดูดตามขอบหน้าต่างครับ
  • หลายคนอาจจะมองว่า ตัวมันทำงานต่อเนื่องได้ 20 นาทีเอง แต่เอาเข้าจริง ด้วยความที่มันใช้ง่าย ดูดแรง เลยกลายเป็นว่า เราใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีในการจัดการห้องของเราให้สะอาดครับ เวลาทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่นแบบเก่า ที่มันนานเพราะมาเสียเวลานั่งลากสาย กับลำบากลำบนในการยกมันขึ้นไปดูดในที่ต่างๆต่างหาก
  • ล้าง Filter ได้ นี่ทำให้ประหยัดค่า Filter ไปได้มาก
  • ดูดแรง แต่เสียงไม่ดังครับ เครื่องดูดฝุ่นบางรุ่น แรงมากก็จริง แต่เสียงก็อย่างกะรถแข่งมาวิ่งควอเตอร์ไมล์แถวบ้าน
  • สำหรับพ่อบ้าน จัดไปเถอะคร้าบ เรายังมีงานบ้านอีกมากให้ทำ อย่ามาเสียเวลาดูดฝุ่นเลย

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine