Home -> Blog -> สรุป Trend วงการเว็บประจำปี 2015 จากสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย

สรุป Trend วงการเว็บประจำปี 2015 จากสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย

เมื่อวานนี้ (วันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2015) ผมไปทำหน้าที่พิธีกรงาน Webpresso งานสัมนาประจำปีของสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยที่ผมเป็นกรรมการสมาคมอยู่ งานนี้ได้วิทยากรเป็น สุดยอดของวงการเว็บจากทั้ง 4 สายงาน นั่นก็คือ Content / Marketing / Programming และ Designer คนมาฟังกันเต็มเลยและเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ไม่ได้มาฟัง ผมเลยมาสรุปให้ฟังเท่าที่จำได้นะครับ ฮ่า

วิทยากรทั้ง 4 ท่านก็จะมี

  • พี่ป้อม ศิวัตร เชาวรีย์วงษ์ Managine Director จากบริษัท minteraction ที่เป็น Digital Agency ชั้นนำของประเทศไทย
  • พี่บัง อัครวุฒิ ตำราเรียง Managing Director จากบริษัท Maverlic Engine ที่ช่วยพัฒนาตัว CMS ชั้นนำระดับโลกกับทีมงานอีกหลายประเทศ
  • พี่ปอง จักรพงษ์ คงมาลัย Head of Content Department จากบริษัท Sanook.com เว็บที่มีคนเข้าเยอะที่สุดของประเทศไทย
  • น้องปุ้ม ญิชา จุฑา ศิริวงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง lnwshop.com บริการร้านค้าออนไลน์ชื่อดัง

ผมเองก็เขียนจากความทรงจำ จะไล่ไปทีละหัวข้อละกันนะครับว่ามันมีเรื่องอะไรบ้าง อาจจะไม่ได้เรียงกันซักเท่าไหร่

SNAG-0036

  • ทำเว็บให้รองรับ Mobile คือเทรนด์ประจำปีนี้ จริงๆเป็นเทรนด์มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เว็บดังๆหลายเว็บของประเทศไทยมีผู้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ แซง Desktop ชนิดขาดลอยเป็นปีแรก
  • มือถือในปีนี้ จะราคาต่ำอย่างมาก แต่มีตังค์ 900 บาทก็ได้ใช้ Tablet จากประเทศจีนกันแล้ว
  • พอคนเข้าเว็บจากมือถือได้รับความนิยม จะทำให้มี Data หลายๆอย่างตามมา ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ Location ของผู้เข้าใช้งาน ซึ่งสามารถนำมาแปลงเป็นข้อมูลเล่นได้หลายอย่าง เช่นมีโฆษณาของ Ponds ตัวนึงในต่างประเทศจะแสดง Banner ให้ผู้ใช้ดูต่างกันตาม Location ของผู้ที่เข้ามา ใครที่อาศัยอยู่เขตหนาวก็จะโฆษณาครีมทากันผิวแห้ง ใครอยู่เขตร้อนจะโฆษราครีมกันแดด
  • โฆษณาบนเว็บจะฉลาดขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เรามีระบบ Re-Targeting ที่สามารถเอา Banner โฆษณาไล่ตามผู้ใช้งานไปได้ทุกเว็บที่เค้าเข้าใช้ แต่ปีนี้จะฉลาดกว่าเดิมมาก นอกจากแสดง Banner ของสินค้าตามมาหลอกหลอนเราทุกเว็บที่เราเข้าไปแล้ว หากเรายังไม่สนใจตัว Banner จะเปลี่ยนเป็น Promotion ลดราคาก็ได้
  • นอกจาก Ads จะแปลงเป็นโปรโมชั่นลดราคาแล้ว ยังเพิ่มราคาขึ้นด้วย หากเรายังไม่ซื้อ เช่นพวกทัวร์ หรือตั๋วเครื่องบิน
  • พอมือถือได้รับความนิยม การทำเว็บก็ต้องเปลี่ยนไป ต้องออกแบบมาให้แสดงผลบนโทรศัพท์มือถือให้ได้ดีและเหมาะสมมากขึ้น โดยที่แนวทางการออกแบบก็มีหลายแบบ เช่น การทำ App ขึ้นมาเลย / การทำ Mobile Site แยกมาต่างหาก หรือ การทำเว็บแบบ Responsive ที่สามารถแปลเปลี่ยนได้ตามอุปกรณ์ที่เข้ามาเปิดดู
  • Facebook ปรับลดการแสดงผลแบบ Organic Reach (การเข้าถึงเนื้อหาโดยที่ไม่ได้จ่ายเงินซื้อ) จากเพจขึ้นมากกว่าเดิม ชนิดที่น้อยลงกว่าเดิมเกือบครึ่งนึงเลยทีเดียว ใครที่ทำ Fanpage แต่ยังไม่อัดฉัดเงิน ถือว่าเปลืองเวลาและกำลังกายอย่างมาก
  • หากต้องการจะเพิ่ม Organic Reach บน Facebook ให้มากขึ้น จำเป็นที่จะต้องสร้างความสัมพันธ์แบบ 2 ทางกับลูกเพจ ดังนั้น การพูดคุย การตอบ Inbox การ Comment กลับ จะช่วยเพิ่มความสนิทสนมขึ้นมาก
  • การทำ Email Marketing กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง แต่ไม่ใช่การส่ง Spam แบบไม่เลือกหน้า หากแต่เป็นการ Custom Email เฉพาะลูกค้าคนนั้นๆ เพื่อกระตุ้นให้เค้ากลับมาใช้บริการของเราอีกครั้ง

SNAG-0034

  • แนวทางการทำ Content ที่เปลี่ยนไป การพาดหัว เนื้อหาข่าว จะต้องกระชับ สั้น เร้าใจ ชวนคลิก รวมไปถึง ภาพ Thumbnail ที่ชวนกด
  • การอ่าน Content จะมีระบบแนะนำ Related Post หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องที่เก่งขึ้นมา หากเราชอบอ่านเรื่องสไตล์นี้บ่อยๆ จะนำเสนอแต่ข่าวและเนื้อหาในแบบนี้ โดยอัตโนมัติ
  • ตลาด E-Commerce ตื่นตัวขึ้นอย่างมาก ในประเทศไทยมีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นอย่างมาก และ การชำระเงินที่ใช้กันเยอะที่สุด คือ การโอนเงินผ่าน ATM และ โอนผ่าน App
  • Mobile Operator ทั้ง 3 เจ้า ก็ทำ App เพื่อรองรับการจ่ายเงินออนไลน์หมดทุกเจ้าแล้วเช่น AIS mPay , dtac Paysbuy , TrueMoney Wallet โดยเฉพาะของ True สามารถเติมเงินเข้าไปในระบบแล้วสามารถที่จะสร้างบัตรเครดิต Mastercard จำลองขึ้นมาเพื่อเอาเลขบัตรเครดิตเหล่านั้นไปซื้อของออนไลน์ได้ด้วย
  • ตลาด E-Commerce ที่จีนแข่งขันกันโหดมากๆ บ้านเราสั่งของออนไลน์ ใช้เวลาเป็นวันกว่าจะส่ง แต่ที่จีนแข่งกันเป็นชั่วโมง แถมยัง เปิดตลาดการขายของออนไลน์แบบใหม่นั่นก็คือสินค้า Super Market เช่น หมู เนื้อ ผัก ผลไม้ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน โดยที่ส่งเร็วมาก 3 ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว
  • คนจีนกล้าซื้อของออนไลน์มากกว่าคนไทย อาจจะเพราะเป็น Internet User รุ่นใหม่ซะเยอะ ทำให้ไม่ค่อยกลัวการสั่งของออนไลน์กัน
  • เทคนิคการส่งของให้เร็วของคนจีนก็คือ จะมีโกดังย่อยอยู่ตามเขตต่างๆ หากมีคนออเดอร์มา ก็จะส่ง มอเตอร์ไซค์ไปส่งของให้เลย
  • ระบบการทำร้านค้าออนไลน์ของคนไทยทำกันง่ายๆ ใช้ LINE ใช้ Facebook Page ซื้อขายโอนเงินกันปกติ ทำให้ไม่มีการเก็บฐานข้อมูล ถ้ามีฐานข้อมูลลูกค้ามาทำ CRM จะช่วยทำให้เราวิเคราะห์สถิติการซื้อได้แม่นยำมากขึ้น เช่นซื้อกี่ครั้ง ครั้งละกี่บาท ถ้าซื้อบ่อยเราก็สามารถดูแลแบบ Exclusive ได้
  • เนื้อหาประเภทวีดีโอ จะเติบโตได้ขึ้นอยู่กับ ความเร็ว Internet เช่น 3G/4G/WIFI ว่าราคาถูก หรือ ให้บริการได้ครอบคลุมมากแค่ไหน
  • น่าจะมี Blogger หน้าใหม่เข้ามาในวงการมากขึ้น เพราะช่องทางการรีวิวสินค้าช่วยเพิ่มยอดขายได้ หากแต่ว่า Blogger ที่รับเงินจากแบรนด์จะยังสามารถเชื่อถืออยู่ได้หรือเปล่า เป็นสิ่งที่ Blogger ต้อง Balance ให้ดี

SNAG-0043

  • โปรแกรมเมอร์ที่เขียนโปรแกรม “เป็น” จริงๆ หายากมากๆ ตอนนี้มีแต่เด็กจบใหม่ ที่ไม่มี Skill การเขียนโปรแกรมพื้นฐานเลย ในฝากผู้ประกอบการ ลำบากใจที่ รับมาเทรนจนเสร็จ พอเป็นงานก็ลาออกไปอยู่ที่อื่น
  • เว็บสมัยใหม่ จะต้องเชื่อม API กับ Social Network เจ้าดังๆได้หมด
  • โปรแกรมเมอร์ นอกจากเขียนโปรแกรมเป็น อาจจะต้องเซ็ตพวก Webserver ให้เป็นด้วย ต้องรู้ให้กว้างกว่าเดิม
  • โปรแกรมเมอร์ต้องเรียนรู้เรื่องของการทำ Scale Out / Scale Up ระบบที่ตัวเองเขียนในกรณีที่เว็บมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก
  • Cloud ต่างประเทศ เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพราะง่าย ถูก รวมไปถึงด้วยกฏหมายที่แหม่งๆในประเทศไทย การย้ายไปอยู่ Cloud ต่างประเทศก็เป็นทางเลือกที่ดี
  • บริการ Social Monitoring จะกลายเป็นบริการที่ แบรนด์ใหญ่ๆใช้กันครบถ้วน เพราะสามารถรู้ได้ว่า ลูกค้า พูด/บ่น ถึงแบรนด์ยังไงบ้าง
  • บางทีการพัฒนาโปรแกรมใช้งานเอง อาจจะเสียเวลาและงบประมาณมากไป ลองใช้พวก Tools ที่เค้ามีให้ เช่นถ้าด้าน Colloboration ก็ลองใช้ Zoho / Zimbra ด้าน CRM ก็มี Vtiger CRM , Sugar CRM , Salesforce
  • Wearable Device จะดังในปีนี้ แต่ไม่สามารถสร้างความจำเป็นได้เท่ามือถือ เพราะมือถือก็ยังสามารถทำแทนได้ในบางเรื่องอยู่ดี

SNAG-0041

  • ออกแบบเว็บแบบ Responsive ไม่ใช่แค่ทำให้มันปรับเปลี่ยนได้ตามขนาดหน้าจอ รูป Thumbnail ประกอบ จะต้องทำเผื่อหลายๆขนาดด้วย ไม่งั้นถ้ามือถือต้องมาโหลดรูปใหญ่ จะทำให้โหลดช้า
  • Size พื้นฐานที่ควรจะออกแบบคือ กว้าง 640 (iphone) , กว้าง 1024 (tablet) , กว้าง 1200 ขึ้นไป (Desktop)
  • การถ่ายรูปสินค้า หากรูปสินค้าสวยโอกาสขายได้ มีมากกว่าเดิมหลายเท่ามาก คนทำร้านค้าออนไลน์อาจจะลองใช้ Lightbox แบบง่ายๆที่บ้านเพื่อช่วยทำให้การถ่ายรูปสินค้าสวยขึ้น
  • สินค้าแบบแฟชั่น อาจจะใช้ Instagram ในการช่วยขายได้ แต่สินค้าทั่วๆไป ใช้ Facebook Page จะดีกว่า
  • ถ้าฐานลูกค้าอยู่ยุโรปหรือฝั่งอเมริกา การใช้ Pinterest ช่วยเพิ่มช่องทางในการนำเสนอสินค้าได้ดีกว่า
  • สินค้าทำมือ ลองไปขายใน etsy.com เว็บขายสินค้าด้าน Hand Made โดยเฉพาะ
  • หากอยากจะได้  Theme เว็บสวยๆ ลองไปดูที่ themeforest.net มี Theme ของ CMS ดังๆ ครบทุกยี่ห้อ แถมมี Template สำหรับ เกือบทุกอย่างเช่น Template Email / Landing Page สำหรับเว็บก็มี
  • หากเป็นคนที่มีหัวคิดสร้างสรร การไปทำ theme ขายใน themeforest.net ก็เป็นหนทางที่ไม่เลว ล่าสุดมีคนไทยไปขาย theme ในนั้น ได้รายได้มาเกือบ 2 ล้านเหรียญ

จริงๆ อาจจะมีมากกว่านี้ครับ แต่ผมนึกออกมาประมาณนี้ ฮ่าา ทำงานพิธีกรไป มันจดบันทึกกับเค้าไม่ค่อยได้เท่าไหร่

ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืออยากเสริมอะไร มาคุยกันใน Comment ข้างล่างได้เลยนะครับ

 

Check Also

การเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ทำให้อยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง

นี่คือความรู้สึกของผมจริงๆ ตอนที่นั่งฟังอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ต้องเล่าให้ฟังก่อน ที่ ม.กรุงเทพเนี่ย เป็นมหาวิทยาลัยที่จะใช้ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นแกนกลางแล้วนำไปผสานกับเทรนด์อื่นๆของโลก เพื่อสร้างเป็นหลักสูตร …

Leave a Reply