Home -> Blog -> เซ็ต WIFI ยังไงให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่ Wireless Router จะทำได้

เซ็ต WIFI ยังไงให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่ Wireless Router จะทำได้

ตอนนี้ตามบ้านทุกคนก็มี Wireless Router ใช้งานเป็นเรื่องปกติมากๆ ไปแล้วนะครับ แต่ผมก็เชื่อว่า หลายๆคนพอติด Internet + Wireless Router ที่ได้มาจากผู้ให้บริการ ก็ใช้ๆไป เจอปัญหาก็ reset .. สัญญาณไปไม่ถึงก็เดินไปเล่นใกล้ๆ เล่นได้ช้าบ้างเร็วบ้าง ก็ใช้ๆไป วันนี้เลยจะมาบอกเทคนิคการปรับค่า Wireless LAN ให้ถูกต้อง จะได้เล่นได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

การที่เราจะปรับแต่งตัว Wireless Router ให้ได้มีประสิทธิภาพ คุณผู้อ่านทั้งหลายจะต้องใช้ Browser เช่น Internet Explorer / Google Chrome / Firefox ทำการ login เข้าไปในตัว Router เพื่อปรับแต่งค่าต่างๆ ซึ่งแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน ดังนั้น เหมาะกับคนที่พอจะเล่นและปรับแต่ง Wireless Router เป็นอยู่แล้วนะครับ เพราะถ้าทำพังขึ้นมา ผมไปแก้ให้ไม่ได้นะคร้าบ

ค้นหาช่องสัญญาณที่ว่าง แล้วย้ายไปใช้ Channel ที่ว่างอยู่

Screen Shot 2558-05-14 at 3.01.30 PM

เราสามารถใช้โปรแกรม Acrylic WIFI สำหรับเครื่อง PC หรือ WIFI Explorer สำหรับเครื่อง Mac ในการ Scan หาว่าตรงจุดที่คุณใช้งานอยู่ มี Wireless LAN ของใครปล่อยอยู่บ้าง แล้วแต่ละคนใช้ Channel ไหนบ้าง จากนั้นก็ย้ายไปใช้ Channel ที่ว่างที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าอยากจะสักย้ายก็ย้ายได้นะครับ

Screen Shot 2558-05-14 at 3.09.14 PM

Wireless Channel ในประเทศไทยมีทั้งหมด 11 Channel แต่ไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ 11 ช่องนะครับ เพราะสัญณาญ Wireless LAN จะมีความกว้างของช่องสัญญาณประมาณ 20 – 40 Mhz ตามแต่มาตรฐานที่ใช้ (ถ้าใช้มาตรฐาน IEEE802.11ac จะทะลุไปถึง 80Mhz เลยทีเดียว) Wireless 1 ช่องสัญญาณจะกินประมาณ 5Mhz นั่นแปลว่า เมื่อเราเลือกใช้ Wireless LAN 1 Channel จะกินความกว้างประมาณ 4 ช่อง (2 ช่องทางซ้าย และอีก 2 ช่องทางขวา) ประกอบกัน เราจะต้องเหลือ Bandwidth ประมาณ 5Mhz เพื่อทำเป็น Guardband (ช่องว่างสัญญาณเพื่อป้องกันปลายคลื่นของแต่ละ Channel มาทับซ้อนกัน) ดังนั้น เราจะมี Channel ให้ใช้ได้แค่ 3 Channel จาก 11 Channel ครับ นั่นก็คือ ช่อง 1 , 6 และ 11 เท่านั้นครับ ยิ่งถ้าเราใช้ Wireless LAN แบบมาตรฐาน 802.11N ที่สามารถขยายความกว้างช่องสัญณาณเป็น 40Mhz เนี่ย เราจะเหลือ Channel ให้ใช้ได้แค่ 2 Channel เท่านั้นนั่นก็คือ 3 กับ 11 ครับ

แล้วถ้าเราตั้ง Wireless ทับกัน จะเป็นยังไง??

เมื่อ Wireless Channel ซ้อนทับกัน ไม่ว่าจะทับกันเต็มๆ หรือทับกันนิดหน่อย สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ Interfere  หรือ คลื่นรบกวนนั่นเอง ถ้าเกิดนิดๆหน่อยๆ ก็จะทำให้เกิด Delay ในการใช้งานเช่นค่า Ping เพิ่มสูงขึ้น ถ้าชนกันหนักเลย ตัวอุปกรณ์ก็จะสั่งหยุดส่งข้อมูลทั้ง 2 ข้างแบบ Random แล้วค่อยกลับมาเชื่อมต่อได้ไหม หลายๆคนน่าจะเคยเป็นอาการนี้กัน แบบกดเรียกข้อมูลแล้วไม่มา ซักพักก็พรวดออกมาเลยอะไรแบบนี้

แล้วถ้าเกิดพื้นที่นั้น ไม่มี Channel ว่างๆเหลือแล้วจะแก้ไขยังไง?

Screen Shot 2558-05-14 at 3.20.01 PM
อันนี้เป็นเครือข่ายที่ผมดูแลอยู่จะเห็นว่า ความถี่โซน 2.4Ghz มีคนใช้อยู่เยอะมาก ของผมก็ 3 ตัวเข้าไปแล้ว มีของคนอื่นมาเสริมอีกเพียบ แต่ถ้าดูข้าง 5Ghz ที่มีจำนวนเท่ากัน แต่ยังเหลือ Channel ให้ใช้อีกบานตะเกียง

เปลี่ยนมาใช้ อุปกรณ์ที่รองรับ Wireless LAN แบบ 5Ghz ครับ เป็นหนทางเดียวเลยล่ะ ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ รถติดเพราะถนนไม่พอ ในเมื่อลดจำนวนรถที่จะวิ่งไม่ได้ ทางแก้ทางเดียวก็คือ ต้องเพิ่มถนนใช่ไหมล่ะครับ

Wireless LAN ความถี่ 5Ghz เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของ Wireless LAN ที่ความถี่ 2.4Ghz หลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ จำนวน Channel ที่มหาศาลทำให้ลดโอกาสชนกันของ Channel แถมแต่ละ Channel ก็กว้างถึง 20Mhz ไม่เหมือน Wireless 2.4Ghz ที่แต่ละ Channel กว้างแค่ 5Mhz แถมความเร็วที่มากกว่าทำให้รองรับ Client ได้เยอะกว่ามาก

netgear-2-4-5ghz-n900-wifi-dual-band-usb-adapter-ieee-802-11-a-b-g-n-p-n-wnda4100-100nas-2

แต่อย่างไรก็ตาม การย้ายระบบเครือข่าย Wireless LAN ให้รองรับความถี่ 5Ghz นอกจากเปลี่ยนตัว Wireless Router หรือ Access Point แล้ว ยังต้องเปลี่ยน Client หรือตัวรับเช่น Notebook , Smartphone , Tablet ให้รองรับความถี่ 5Ghz เหมือนกันด้วย ไม่อย่างนั้นเปลี่ยนไปก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนตัดถนนแล้วไม่มีใครมีปัญญาใช้นั่นแหละครับ ส่วนใหญ่อุปกรณ์ใหม่ๆ ในช่วงปี 2013 จะสามารถใช้งาน Wireless LAN ความถี่ 5Ghz ได้แล้ว ยกเว้นพวกตัวที่ราคาไม่แพงครับ เช่น Android ราคาประหยัด หรือ Notebook ราคาไม่แพงอะไรแบบนี้

เราควรใช้ Bandwidth ที่ 20Mhz หรือ 40Mhz ดี?

Screen Shot 2558-05-14 at 3.44.04 PM

ความเร็วสูงสุดในการส่งข้อมูลแปรผันกับตัว Bandwidth นี่แหละครับ ยิ่งกว้าง ก็ยิ่งรองรับความเร็วได้เยอะ เอาง่ายๆ อย่างมาตรฐาน IEEE802.11N เนี่ย ถ้าใช้ 20Mhz ก็เร็วแค่ 150Mbps แต่ถ้าขยายเป็น 40Mhz ก็จะกระโดดไปที่ 300Mbps เลยนะครับ

วิธีเลือกง่ายๆ ถ้าคุณสแกนพื้นที่ดูแล้ว พบว่า ไม่มีใครมากวนก็ใช้ 40Mhz ไปได้เลยครับ แต่ถ้ามีคนอยู่เยอะ การปรับลด Bandwidth เหลือ 20Mhz จะช่วยลดโอกาสการชนกันของสัญญาณได้มากกว่า

smartphone-popularity

รู้ไหมว่า ความเร็วของ Wireless LAN นั้นจะถูกหารโดยจำนวนอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อ

มาตรฐานของ Wireless มีเยอะแยะ แต่สงสัยไหมครับ ทำไมต้องระเบิดความเร็วไปตั้งขนาดนั้นทั้งๆที่ ความเร็ว Internet ยังอยู่ที่แถวๆ 30 – 50 Mbps เอง ต่อให้เราเชื่อมต่อได้ 600Mbps ก็ไม่ได้แปลว่า Internet เราจะเร็วขึ้นซักหน่อย

ที่อุปกรณ์ Wireless LAN มีออกแบบให้มี Bandwidth เพิ่มมากขึ้น ก็เพราะว่าความเร็วทั้งหมดจะถูกหารโดยเครื่องที่เชื่อมต่อและใช้งานกันอยู่ในขนาดนั้น  สมมติว่า เรามี Wireless มาตรฐาน N ที่ความเร็ว 300Mbps แต่มี 5 เครื่องใช้งานแบบเต็มที่พร้อมกัน ความเร็วของแต่ละเครื่องก็จะลดลงเหลือ 60Mbps (คำนวนตามทฤษฏี)

ดังนั้น ถ้าการเลือกอุปกรณ์ไร้สายที่นำมาใช้งาน จะต้องคำนวนถึงพื้นที่ และ จำนวน Client ที่มาเชื่อมต่อด้วย ว่าน่าจะมีประมาณกี่เครื่อง และแต่ละเครื่องนั้น มีลักษณะการใช้งานแบบไหน บางบ้านใช้อุปกรณ์ที่ทางผู้ให้บริการแถมมา ซึ่งทางผู้ให้บริการเค้าก็แถมตัวที่ราคาประหยัดนั่นแหละครับ ส่วนใหญ่เป็น Wireless N 150Mbps หรือบางคนยังใช้ มาตรฐาน G ที่ความเร็ว 54Mbps อยู่เลย อุปกรณ์พวกนี้นอกจากมี Bandwidth ไม่เพียงพอต่อการใช้งานปัจจุบันแล้ว ตัว CPU และ Ram ของมันยังน้อยมาก ไม่สามารถรองรับจำนวน Client ได้หรอก เอาเข้าจริงแล้ว พวกอุปกรณ์พื้นฐานพวกนี้รองรับ Client ได้ประมาณ 5 – 7 ชิ้นเท่านั้นนะครับ แต่เดี๋ยวนี้ลองดูสิ บ้านนึงมีอุปกรณ์กี่เครื่อง มือถือ / Tablet / Notebook / กล่อง Internet TV / เครื่องเล่นเกม / Smart TV ถ้าใช้งานพร้อมกันย่อมต่อช้าอยู่แล้ว

ถ้าสัญญาณไปไม่ถึงพื้นที่ๆจะใช้งาน จะแก้ไขยังไงดี

B003VWZE7S_how-it-works-lg

ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีหลายอย่างในการขยายสัญญาณไร้สายให้ไกลออกไปครับ เช่น

  • Wireless Range Extender : รับสัญญาณ Wireless LAN จากต้นทางเอามาขยายกำลังต่อ ข้อดีคือ ง่าย ข้อเสียคือ ไม่เสถียรและความเร็วจะหายไปครึ่งนึง
  • Power Line Adapter : เป็นเทคนิคที่แปลงสายไฟในบ้านให้ใช้ส่งข้อมูลได้ ข้อดีคือ ไม่ต้องลากสายเลย ข้อเสียคือ ไฟฟ้าเมืองไทยไม่ค่อยเสถียร เพราะลากสายห่วย และที่สำคัญไฟต้องใช้ Phrase เดียวกันในระยะไม่เกิน 150 เมตรถึงจะใช้ได้ดี
  • เปลี่ยนเสาอากาศเพื่มกำลังส่ง : หลายๆคนชอบใช้วิธีนี้เพราะดูราคาถูกสุด แต่ในความเป็นจริงคือแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ การเชื่อมต่อ Wireless LAN จะต้องทำงานกันทั้งรับและส่งใช่ไหมครับ นั่นหมายถึง ถ้าคุณเปลี่ยนเสาอากาศ ระยะทางอาจจะไปได้ไกลขึ้น แต่ในความเป็นจริง ตัวมือถือ หรือ อุปกรณ์ของคุณก็ไม่สามารถส่งข้อมูลกลับไปได้อยู่ดี เหมือน Wireless Router ตะโกนหาคุณได้ แต่คุณไม่มีปัญญาตะโกนกลับไปหาได้ ซึ่งถ้าคุณจะเปลี่ยนเสาอากาศ ต้องเปลี่ยนทั้ง ต้นทางและปลายทางครับ

แต่วิธีที่ผมจะแนะนำคือ ลากสาย LAN ไปยังจุดที่จะใช้แล้วตั้งอุปกรณ์อีกตัว จะได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ทนทานที่สุด ยั่งยืนที่สุดครับ ลองมาทุกวิธีแล้ว สุดท้ายวิธีนี้ดีที่สุดเลย

205913-ethernet_wall_electric606_original

ค่าลากสาย LAN 1 จุดในระยะประมาณ 30 – 50 เมตรพร้อมค่าของอยู่ที่ราคาประมาณ 900 – 1,500 บาท ราคานี้ช่างจะลากสายสวยๆ เก็บงานดีๆไปจนถึงปลายทางได้ หรือถ้าคุณอยากจะได้เต้ารับเข้ากับข้างฝาสวยๆ ก็ไปเดิน Home Pro ซื้อของไปให้ช่างทำได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้ตัวไม่กี่ร้อยเองครับ สวยดีใช้งานได้ยาวนาน และพอลากเสร็จแล้ว เผลอๆ ถูกกว่าซื้อพวก Range Extender หรือ Power Line Adapter อีกนะ

อีกเรื่องคือ สำหรับคนที่ชอบเล่นเกมออนไลน์ ไม่ควรเล่นผ่าน Wireless LAN นะครับ เพราะว่า ค่า Delay ของ Wireless LAN ในพื้นที่ๆมันหนาแน่นนี่ก็ประมาณ 30 – 50 ms แถมถ้าเจอช่วง Wireless มันตัดกันเพราะสัญญาณชน จะบรรลัยได้นะครับ เผลอๆ ค่า Ping จะทะลุ 300 – 500 ms เล่นๆไปจะตายเอาง่ายๆ

บางครั้งการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด อยู่ที่การย้าย Wireless Router

บางทีปัญหาเวรกรรมทั้งหมดของการเล่น Internet ดันอยู่ที่ตำแหน่งวาง Wireless Router ครับ เช่น

  • ตำแหน่งอับเกินไป ระบายอากาศไม่ได้ ทำเลยร้อนจน Router เพี้ยน
  • วางตากแดด
  • วาง Router ใกล้กับของที่มันปล่อยคลื่นรบกวนทางวิทยุ เช่น แอร์ ตู้เย็น
  • วางไว้ซะท้ายบ้าน ทั้งๆที่คนใช้งานส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าบ้าน
  • ฝุ่นจับหนาเตอะ ไม่เคยทำความสะอาด (ปัญหาคือ ฝุ่นประเทศไทยเป็นฝุ่นชื้นครับ พอมันลงไปเกาะพวก Mainboard จะเกิดโอกาสช็อตได้ง่ายมาก)
  • และอื่นๆ อีกมาก ลองไปดูกันว่า คุณวาง Wireless Router ในตำแหน่งที่ดีที่สุดหรือเปล่า

Screen Shot 2558-05-14 at 4.21.41 PM

เอาล่ะครับ ลองทำตามดูนะครับ ไม่แน่ว่าปัญหาการใช้งาน Internet ช้าของคุณอาจจะแก้ง่ายกว่าที่คิดก็ได้นะ กด Speedtest รวดเดียววิ่งปรู๊ดแบบผมอะไรแบบนี้ครับ ฮ่า

Check Also

การเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ ม.กรุงเทพ ที่ทำให้อยากกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง

นี่คือความรู้สึกของผมจริงๆ ตอนที่นั่งฟังอยู่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตรใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมานี่แหละ ต้องเล่าให้ฟังก่อน ที่ ม.กรุงเทพเนี่ย เป็นมหาวิทยาลัยที่จะใช้ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ เป็นแกนกลางแล้วนำไปผสานกับเทรนด์อื่นๆของโลก เพื่อสร้างเป็นหลักสูตร …

Leave a Reply