Home -> Review -> รีวิว NAS Synology DS415+ .. อุปกรณ์ที่อนาคตต้องมีกันทุกบ้านแล้วล่ะ

รีวิว NAS Synology DS415+ .. อุปกรณ์ที่อนาคตต้องมีกันทุกบ้านแล้วล่ะ

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ความต้องการในการใช้ NAS เติบโตขึ้นอย่างมาก สำหรับคนที่รู้จักว่ามันคืออะไรนั้น รอชมสเป๊คได้เลยครับว่าเจ้านี่เทพขนาดไหน ส่วนใครที่ยังไม่รู้จัก ผมจะพาไปรู้จักกับอุปกรณ์ที่เชื่อว่าอนาคตต้องมีเกือบทุกบ้านแน่ๆ

164

 

NAS คืออะไร??

NAS ย่อมาจาก Network Attatched Storage .. แปลว่า อุปกรณ์ Storage หรืออุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คเพื่อให้บริการด้านการเข้าถึงไฟล์กับผู้ใช้งานในเครือข่ายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายๆคนอาจจะนึกถึงการนำเอา PC มาทำเป็น File Server .. นั่นแหละครับ แบบเดียวกันเลย

การนำ PC มาทำเป็น File Server มีข้อดีและข้อเสียหลายอย่างเหมือนกัน ซึ่งตรงจุดนั้นแหละ เลยทำให้ NAS เริ่มที่จะมีบทบาทในการนำมาใช้งานมากขึ้น

เมื่อก่อนหากเราต้องการจะทำ File Server .. เราก็ต้องซื้อ PC มาซัก 1 เครื่อง จากนั้น ก็ติดตั้งระบบปฏิบัติการแล้วก็กำหนด Folder ข้อมูลแล้วก็แชร์ให้กับ User ที่อยู่ในเครือข่าย

ข้อดีก็คือ ง่ายดี แต่ข้อเสียก็คือ

  • ต้องซื้อ License สำหรับ Windows
  • ระบบ File Sharing ของ Windows แบบ Professional จำกัดไว้ที่ 10 session เท่านั้น (เกินกว่านั้นต้องซื้อ License Windows Server)
  • หรือถ้าไม่ใช้ Windows ก็มีทางเลือกอย่าง Linux แต่ต้องแลกมาด้วยการหัดศึกษาและทดลองที่ยากขึ้นมาอีกนิด
  • หากต้องการใช้ระบบ Raid เพื่อเพิ่มความเร็วและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลก็ต้องลงทุนกับ Raid Card ที่มีคุณภาพ
  • พอเป็นเครื่อง PC/Server ก็จะมีค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นในการที่จะเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง

ในเมื่อความต้องการในการใช้ระบบ File Sharing มากขึ้น แต่ระบบเก่ายังไม่ตอบโจทย์ด้วยความยาก ก็เลยมีการพัฒนาอุปกรณ์ Appliance อย่าง NAS ขึ้นมาเนี่ยแหละครับ ข้อดีของ NAS ก็มีหลายอย่างเลยทีเดียวเช่น

  • เริ่มต้นได้ถูกกว่า ..  บางยี่ห้อ 2,000 กว่าบาทก็ได้ NAS ขนาด 500GB มาใช้แล้ว
  • ใช้งานง่าย ปรับแต่งทุกอย่างผ่านหน้าเว็บ
  • เมือก่อน NAS ทำหน้าที่เก็บไฟล์อย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็น Server ขนาดย่อมๆในองค์กรแล้ว เดี๋ยวจะโชว์ของ Synology ให้ดูตอนท้ายๆ
  • มี Feature เทพๆสำหรับองค์กรใหญ่ๆครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Raid , HA , SNMP , Performance Monitor ล่าสุดทำตัวเป็น Virtualization แบบ VMWare , Hyper-V ได้แล้ว
  • ประหยัดค่าไฟต่างกันคนละขุม

NAS ก็มีผู้ผลิตหลายยี่ห้อด้วยกัน Western Digital , Seagate , QNAP , Buffalo .. แต่ละเจ้าก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่วันนี้จะมารีวิวยี่ห้อ Synology จากทางไต้หวันครับ

Synology_Logo.svg

แล้ว Synology มาจากไหน?

ในบรรดาผู้ผลิต NAS จากหลายๆเจ้า ผมว่าเจ้าที่จริงจังกับการทำ NAS มากๆเจ้านึงก็คือ Synology นี่แหละครับ ทาง Synology ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงตอนนี้ก็ 15 ปีแล้ว มี Product Line ตั้งแต่ Home Use ง่ายๆ ไปจนถึงระดับ Enterprise โดยที่เน้นหนักไปที่ NAS ล้วนๆ แต่ตอนหลังก็เริ่มทำ Surveillance System หรือระบบบริหารจัดการกล้องวงจรปิด แล้วก็ Router กับเค้าบ้างแล้ว จุดเด่นของ Synology ที่มีไม่เหมือนยี่ห้อคนอื่นผมคิดว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการใน NAS ที่ทาง Synology ทำเอง ที่ชื่อว่า DSM (Disk Station Manager)

SNAG-0162

ที่บอกว่า DSM มันเจ๋งก็เพราะว่าทาง Synology ได้ทำการอัพเกรดความสามารถของ DSM อยู่ตลอดเวลาครับ ในเวอร์ชั่นล่าสุด 5.2 เนี่ย เพิ่มความสามารถเจ๋งๆมาเยอะมากเช่น

  • มี Note Manager …. ให้คุณจดโน๊ตได้เหมือน Evernote หรือ OneNote เลย แต่ว่าเป็น Plugin ใน Google Chrome แล้วทำการเก็บข้อมูล Sync กลับลงไปใน NAS
  • มีระบบ Cloud Sync เพื่อเก็บข้อมูลใน CloudStorage เช่น Dropbox , Google Drive ใน NAS ตัวนี้อีกที
  • เพิ่ม Docker ที่เป็นระบบ Virtualization ในการสร้างเครื่อง Virtual Machine โอ๊ย พวก Dev นี่โคตรชอบอ่ะครับ

165

 

ส่วน Synology DS415+ เองก็เป็น NAS ระดับ Premium รุ่นกลางที่ออกแบบมาให้ใช้งานสำหรับ 50 Users ด้วยกันครับ ชื่อรุ่นของ Synology จะมีความหมายดังต่อไปนี้นะครับ

DS = Disk Station เป็นรุ่นสำหรับ NAS ที่เป็นทรงแนวตั้ง

4 = 4 Bay หรือรองรับ Harddisk ได้ 4 ลูก

15 = เป็น Model ที่ออกมาในปี 2015

+ = เป็นรุ่น Plus ที่เพิ่ม Performance มากขึ้นครับ

สำหรับประสิทธิภาพของ NAS จะขึ้นอยู่กับหลายอย่างด้วยกัน เช่น

  • CPU : ช่วยเรื่องความเร็วในการประมวลผล
  • Ram : ช่วยเริ่องปริมาณ Session ในการเชื่อมต่อ
  • จำนวน Bay : ช่วยเรื่องปริมาณ Storage สูงสุดที่ NAS สามารถรองรับได้
  • Link Speed : ช่วยเรื่องความเร็วในการ Transfer ข้อมูลด้วยครับ

ซึ่ง Synology DS415+ ที่เป็นรุ่นค่อนข้างสูงตัวนี้มี Spec ค่อนข้างดีเลยครับ

176

  • CPU เป็น Intel Atom C2538 แบบ Quad Core ความเร็ว 2.4Ghz ที่มี CPU ที่ช่วยคำนวนทศนิยม กับ ชิปถอดรหัสข้อมูลในตัวครับ ทำให้การเข้ารหัสข้อมูลบน NAS สามารถทำได้ด้วยความรวดเร็วมากขึ้น
  • Ram 2GB
  • รองรับได้ฮาร์ดดิสก์ได้ทั้งหมด 4 bay และรองรับทั้งขนาด 2.5 และ 3.5 นิ้ว และใช้ SSD ก็ได้
  • สามารถสร้าง Storage  ที่มีความจุได้ใหญ่สุด 32TB (รองรับ Bay ละ 8TB ทั้งหมด 4 Bay .. แต่ก็ขึ้นอยู่กับ Raid ที่คุณทำด้วยว่าใช้ Raid อะไร ถ้าใช้ Raid5 พื้นที่ก็จะหายไปประมาณ 30% ครับ)
  • มี USB 2.0 จำนวน 1 Port / USB 3.0 จำนวน 2 Port และ eSATA อีก 1 Port ครับ สมมติว่าคุณสร้าง Raid เสร็จแล้ว แต่มี Harddisk เหลือ คุณเอา Harddisk ลูกนั้นยัดใส่ External Drive แล้วเสียบใช้งานผ่าน USB Port ก็ได้นะครับ

180

มี Gigabit LAN Port ทั้งหมด 2 Port สามารถทำระบบ Link Aggregation  หรือ ทำ Fail Over กรณีที่ LAN port ที่เหลือมีปัญหาก็ได้ครับ

ถ้าอยากจะให้ NAS ตัวนี้รองรับ WIFI สามารถหา WIFI USB Dongle มาเสียบที่ USB Port เพื่อแปลงให้เครื่องนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบ WIFI ได้นะครับ ซึ่งอุปกรณ์ของ 3rd Party สามารถนำมาใช้ได้เลยโดยที่ไปเช็ค Compatibility List ที่หน้านี้ก่อนนะครับ https://www.synology.com/en-us/compatibility

169

Power Adapter ตัวไม่ใหญ่มาก ให้กำลังไฟ 100 Watt ครับ แต่จริงๆแล้ว ตอนทำงานแบบ Harddisk มีการเขียนอ่านจะกินไฟแค่ 32.64 watt เท่านั้น ส่วนตอนที่ Hibernate อยู่ ก็ใช้ไฟแค่ 14.78 watt เท่านั้นครับ และ อย่าลืมว่า ถ้าคุณจะใช้ NAS มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องใช้ UPS ที่ดีมากๆ ด้วย ไม่อย่างงั้นไฟกระชากนี้ NAS ของคุณจะบรรลัย ข้อมูลหายหมดนะครับ ผมโดนมาแล้วววววว

170

ในกล่องให้สาย LAN แบบ CAT6 มาอีกสองเส้นด้วย ก็นับว่าของแถมไม่เลวเลยทีเดียว   CAT5E ครับ ขออภัย ผมพลาดเอง

178

ตัวเครื่องมีพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่แต่เสียงค่อนข้างเงียบมาก ทาง Synology เคลมว่า ตอนใบพัดทำงานจะเกิดเสียงเพียงแค่ 20.2 decibel เท่านั้นครับ

184 186

Bay ของ Synology เป็นกรอบพลาสติกหน้าตาแบบนี้น้ำหนักเบา ใส่ง่ายไม่ต้องใช้ไขควงในการแกะและติดตั้งแต่อย่างใด และสามารถใช้ได้กับ Harddisk 2.5 และ 3.5 มม ด้วยครับ ออกแบบได้เก่งดีนะ

188

เสียบเข้าไปแบบนี้เพิ่อเริ่มใช้งาน โดยที่ Bay 1 – 4 จะเรียงกันจากซ้ายไปขวา การใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Harddisk ให้ครบทั้ง 4 Bay ก็ได้ครับ ใส่ลูกเดียวก็ทำงานได้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าใส่ไม่พร้อมกันจะสร้าง Raid ไม่ได้เท่านั้นเอง

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ยังไงต่อ

SNAG-0105

เปิดเครื่องก่อนสิคุณ!! .. เปิดเครื่องแล้วก็เสียบสาย LAN หลังเครื่องเข้ากับ Network ของคุณแล้วก็รอซักครู่ครับ .. จากนั้นรันโปรแกรมที่ชื่อว่า Synology Assistant .. มันจะเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ค้นหาใน Network ว่าเจ้า DS415+ ตัวนี้ของเรามันไปออนไลน์อยู่ที่ IP Address ไหน ซึ่งถ้าทุกอย่างทำงานปกติ มันจะใช้เวลาแค่แปบเดียวก็หาเจอแล้วครับ ถ้าหาไม่เจอก็ต้องมาไล่แก้กันอีกทีว่าเป็นปัญหาที่ตัว NAS หรือตัว Network นะจ๊ะ

SNAG-0103

กรอก IP Address ที่หน้า Browser เพื่อเข้ามายังหน้าจัดการ NAS ซึ่งสิ่งแรกที่มันจะทำหลังจากเริ่มต้นระบบแบบใหม่สดซิง ก็คือ .. การอัพเดท DSM หรือ Disk Station Manager ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดก่อนจะเริ่มใช้งานนั่นเองครับ

SNAG-0104

อัพเดทเสร็จเรียบร้อยก็จะกลับมาที่หน้า Login .. ซึ่ง User & Password แบบ Default ของ Synology ก็คือ admin ส่วน password ก็คือ โล่งๆครับไม่ต้องกรอกอะไร เคาะ Sign in ผ่านไปได้เลย

SNAG-0107

ตัว DSM ก็จะพาเราติดตั้งระบบผ่าน Wizard ไปเรื่อยๆครับ ก็ทำตามเค้าไปเรื่อยๆ มีตั้งแต่สร้าง Admin Account ใหม่พร้อมรหัสผ่านที่เข้มแข็งกว่าเดิม รวมไปถึงการสร้าง QuickConnect ID เพื่อเป็น Cloud Account สำหรับ Remote กลับมายัง NAS ตัวนี้ด้วยครับ

SNAG-0116

เมื่อเสร็จสิ้นแล้วหน้าสำหรับเข้าจัดการ NAS Synology DS415+ ก็จะมีหน้าตาแบบนี้เลยครับ ดูเผินๆ เหมือนเรากำลังใช้ Windows อยู่เลย เพราะมี icon สำหรับเรียกใช้งานบนหน้าจอ และมีปุ่มที่คล้ายๆกับปุ่ม Start ตรงด้านซ้ายบน ซึ่งคุณสามารถเริ่มเล่นสนุกจาก NAS ได้จากตรงนี้แหละ

 

SNAG-0167

Package Center จุดเริ่มต้นของความเทพ!!

ความเทพแบบโคตรของ DSM ที่ผมชอบมากก็คือ เจ้า NAS ของ Synology แทบทุกตัวสามารถติดตั้ง App ลงไปได้ครับ ซึ่ง App จะถูกติดตั้งผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า Package Center .. การติดตั้ง App จะเพิ่มความสามารถให้ NAS ของเรามหาศาลมากๆ เพราะทาง Synology ขุดเอา Web Services เทพๆ มาอัดไว้ให้เพิ่อเพิ่มความสามารถให้กับ DSM แบบโคตรครบเครื่องครับ

SNAG-0135

 

เริ่มจาก Recommended App ครับ .. โหลดติดตั้งไปให้หมดทุกตัวเลยนะครับ

SNAG-0177

Download Station : โปรแกรมช่วย Download อะไรก็ตามลงมาเก็บบน NAS สามารถโหลดจาก URL , ทำ List บน Text File หรือ โหลด Bittorrent ก็ได้ด้วย

SNAG-0185

Audio Station : โปรแกรม Stream เพลงที่เราเก็บเอาไว้ใน NAS ครับ เก็บเป็นศูนย์กลางที่เดียว แต่โหลด App บนมือถือเพื่อฟังก็ได้ หรือ ฟังจากหน้า Browser ก็ได้ แถมยังเชื่อมต่อกับ Shoutcast Server เพื่อฟังวิทยุทาง Internet ได้อีกด้วย

SNAG-0184

Photo Station : โปรแกรมที่จะเอาภาพที่เรา Backup ไว้บน NAS มาทำเป็น Slide Show แบบสวยๆ

SNAG-0186

Video Station : โปรแกรมที่จะช่วยเอาหนังที่เราโหลดมาจาก (ขอเซนเซอร์เพื่อความเหมาะสม) มาทำเป็น Video Library สวยๆเพื่อความสะดวกในการรับชมนั่นเองครับ แถมตัวโปรแกรมยังมีตัวแปลง Coder ที่สามารถแปลงไฟล์วีดีโอเพื่อบีบ Bitrate แบบ Realtime เพื่อให้การสตรีมลื่นอีกด้วย

เอาแค่พื้นฐาน 4 ตัวนี้ ก็เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องความบันเทิงแล้ว ช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผมได้มีโอกาสทดสอบ NAS Synology DS415+ ตัวนี้ ผมได้ลองของเล่นอีกเยอะเลยครับ เช่น

SNAG-0169

Antivirus .. แม่เจ้า .. เพื่อไม่ให้น้อยหน้าพวก File Server ที่ลง Antivirus ได้ Synology เลยทำ Antivirus ให้ใช้ฟรีๆผ่าน NAS ซะเลย อ้อ สามารถติดตั้งของ Mcafee เพิ่มได้หากไม่มั่นใจ แต่ต้องซื้อ License เพิ่มเติมด้วยนะครับ

SNAG-0170

Asterisk .. หรือ Server VoIP แบบแจกฟรีนั่นเอง แม่เจ้าาาา ไม่ต้องมานั่งลง Server เอง กดติดตั้ง App ทีเดียว มี Asterisk ไว้ใช้เลย กริ๊ดดด องค์กรไหนมีระบบ VoIP ใช้ก็สบายเลย

SNAG-0171

CMS (Central Management System) ระบบบริหารจัดการ NAS ทั้งหมดของ Synology แบบรวมศูนย์ สมมติว่ามี NAS อยู่ 4 กล่องในองค์กร ก็จัดการจากที่เดียวได้เลยครับ

SNAG-0172

LDAP Server .. หรือ Directory Server สำหรับสร้าง User และกำหนดสิทธิ์ต่างๆของ User นั้นๆในองค์กร ถ้าเป็น Windows ก็ต้องใช้ Windows Server ถึงจะทำ Active Directory Server ได้ แต่ถ้าเป็น Linux ก็ต้องลง LDAP นี่แหละครับ ลงก็ยาก ใช้ก็ยาก แต่พอเป็น App บน Synology นี่ง่ายมาก ตั้งชื่อ LDAP แล้วเพิ่ม User จากนั้นก็กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลได้เลย

SNAG-0174

มี Docker ที่เป็นระบบ Lightweight Virtualization ให้ใช้งานด้วย อยากจะสร้าง VM อะไรแบบง่ายๆ จัดผ่าน Docker ได้เลย

SNAG-0175

มี Plex Media Server ไว้จัดการเรื่องไฟล์หนังในเครื่อง ในกรณีที่คุณไม่อยากจะใช้ Video Station ของ Synology แทน เพราะ Plex มันสามารถรองรับกับอุปกรณ์อื่นๆได้เยอะกว่าอะไรแบบนี้

SNAG-0176

EZ-Internet Wizard .. โปรแกรมช่วยกรอกค่า Port Forward บน Router เพื่อให้เราสามารถเข้าถึง Service ที่รันอยู่บนเจ้า DS415+ จากข้างนอกได้ โอวววววว บ้าไปแล้ววววว คือโปรแกรมตัวนี้จะมีฐานข้อมูลทั้งหมดว่า App ที่รันอยู่บนตัวมันทำงานบน Port ไหนบ้าง แล้วสำหรับคนที่ทำ Port Forward ไม่เป็น มันจะทำให้ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ Wireless Router ที่คุณใช้ต่อเน็ต อยู่ในฐานข้อมูลของ Synology เค้าหรือเปล่านะครับ

SNAG-0178

สำหรับการ Access File จากภายนอก ทาง Synology มีชื่อ Dynamic DNS ให้ใช้ภายใต้ชื่อระบบว่า QuickConnect ครับซึ่ง URL ที่ได้จะเป็น QuickConnect.to/user ที่เราตั้งไว้นั่นเอง

SNAG-0179ในแง่ของการดูแล หลักๆแล้ว เราสามารถดูกราฟการใช้งาน CPU / Ram / Bandwidth ของเจ้า Synology ที่กำลังทำงานอยู่ได้ครับ

SNAG-0181

หรือในกรณีที่อยากดู Log เชิงลึกว่า มีอะไรเกิดขึ้นมาก็มี Log Center ที่คอยเก็บข้อมูลความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเอาไว้ครับ สามารถส่งข้อมูลออกไป Log Server ข้างนอก หรือเปลี่ยนเจ้า NAS ตัวนี้ให้กลายเป็น Log Server เพื่อเก็บ Log จากอุปกรณ์อื่นก็ได้เช่นเดียวกันครับ

SNAG-0182

 

และปิดท้ายด้วย Feature สุดเจ๋งอย่าง High Availability (ชื่ออ่่านโคตรยาก) มันคือระบบ NAS สำรองที่จะทำงานทันทีในกรณีที่ NAS หลักมีปัญหา ซึ่งวิธีการก็คือ คุณจะต้องมี NAS Synology รุ่นเดียวกัน และมี DSM ที่เวอร์ชั่นเดียวกัน ตามด้วย ปริมาณฮาร์ดดิสก์ที่ยัดเอาไว้เท่าๆกัน ในช่องเสียบช่องเดียวกันครับ

เมื่อมีการเขียนอ่านไฟล์ NAS ตัวหลักจะส่งข้อมูลไปเขียนบน NAS สำรองด้วย ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว และถ้าหากเกิดปัญหาอะไรกับ NAS ตัวหลัก เช่น Hard Disk พัง , LAN ดับ , Power Supply เจ๊ง , หล่นกระแทกโต๊ะอะไรก็ว่าไป NAS ตัวสำรองจะขึ้นมาทำงานแทนที่ทันที ฝั่งผู้ใช้แทบจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลย ใช้งานต่อแบบเนียนๆในขณะที่ Network Admin ร้องกริ๊ดอยู่ในห้อง

174

ช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องบอกว่ามีความสุขกับเจ้าหมอนี่มากๆ คือ อย่าว่าโง้นงี้เล้ยยยยย โหลด Bit ลงมาเก็บใน NAS จากนั้นก็เล่นผ่าน Plex Media Server ไปโผล่ที่ TV เครื่องไหนของบ้านก็ได้ ไฟล์งานทั้งหมดที่ backup ผ่าน Cloud เข้ามาเก็บในเครื่องผ่าน App ที่มีให้ติดตั้งใช้งานทั้งบน iOS / Android / Windows / Mac

เพลงทั้งหมดถูกโยนมาเก็บใน NAS โดยที่มี iTunes Server ที่ติดตั้งไว้เพื่อที่จะ Stream ออก iOS / Apple TV ในบ้านก็ได้

รูปทั้งหมดถูกเก็บผ่าน Photo Station อยากจะเอามาโชว์บนทีวีที่รองรับระบบ DLNA ก็ทำได้เหมือนกัน ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าใช้ในบ้านงานระดับนี้ก็พอแล้ว

แต่เจ้า DS415+ ยังแรงพอจะเอามาใช้ทำงานในองค์กรได้สบายๆ ตัว Package Center ยังมี App ที่รองรับด้านการทำงานในองค์กรอีกเพียบ ต้องยอมรับว่า Synology มันเป็น NAS ที่มากกว่า NAS ทั่วไปมากๆครับ เรียกว่าระดับ น้องๆ Server เลยทีเดียว องค์กรที่มีผู้ใช้ซัก 20-30 คน ตั้งไอ้นี่ตัวเดียวก็อยู่แล้วครับ

SNAG-0187

สำหรับคนที่สนใจที่จะติดตั้งหรือหาซื้อระบบ NAS มาใช้ในบ้านหรือ Office สามารถปรึกษาทาง BeeNAS ได้เลยนะครับ ทาง Beenas.net เป็นตัวแทนจำหน่าย NAS ของ Synology ทุกรุ่น บริการโคตรดี รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ และสินค้า Synology ทุกตัวรับประกันโดย DigitalCom  คร้าบบ

digitalcom_logo (1)

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine