Home -> Review -> Garmin vivofit : อุปกรณ์ตรวจจับการออกกำลังกาย ใช้ได้ 1 ปีไม่ต้องชาร์จ

Garmin vivofit : อุปกรณ์ตรวจจับการออกกำลังกาย ใช้ได้ 1 ปีไม่ต้องชาร์จ

ตั้งกะปีที่แล้วเป็นต้นมา ผมรีวิว Wearable Computer มาเยอะมากจริงๆครับ วันนี้ได้มาอีกตัวนึงแล้วเป็น Wearable Computer ที่ทำหน้าที่ Fitness Tracking ของทาง Garmin ชื่อว่า vivofit เป็นสายรัดข้อมือเพื่อทำหน้าที่วิเคราะห์การออกกำลังกายของคุณที่มีน้ำหนักเบามากและออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานที่ชอบออกกำลังกายโดยเฉพาะเลยครับ

IMG_1556

หน้าที่ส่วนใหญ่ของพวก Wearable Computer สายออกกำลังกายแบบ Basic จะทำหน้าที่ตรวจจับการเดินและการเคลื่อนไหวของเรา เป็นหลักครับ ว่าวันๆนึง เราเดินไปกี่ก้าว และทำหน้าที่สรุปมาให้ผ่านทาง App ด้วยวิธีต่างๆนาๆ ว่าเราได้ทำถึงเป้าหมายของเราหรือเปล่า ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะทำตัวเป็นสายรัดข้อมือเหมือนกันหมด เพราะว่าพกพาง่าย หายยาก ดัดแปลงให้เป็นอุปกรณ์สวมใส่แบบแฟชั่นก็ได้

SNAG-0127

สำหรับ Garmin vivofit จะมีความสามารถดังต่อไปนี้

  • นับจำนวนก้าวที่เดิน ว่าวันๆนึงเราเดินไปกี่ก้าว ซึ่งผมพยายามขี้โกงด้วยการเขย่ามันหรือแกว่งแขนเฉยๆ ตัวเลขมันไม่ขยับครับ !! ต้องบอกว่า ทีม Garmin ออกแบบ Algorithm การจับน้ำหนักของการเดินจริงๆไว้แม่นยำเหมือนกัน
  • Calories แปรสภาพจำนวนก้าวที่คุณเดิน แล้วแปลงเป็นหน่วยแคลอรี่ เพื่อให้ง่ายต่อการออกกำลังกายเพื่อคุมน้ำหนักครับ
  • Step Goal คือการเซ็ตเป้าหมายว่า วันนี้เราจะเดินกี่ก้าว.. โดยที่จำนวนเริ่มต้นคือ 7,500 ก้าว และถ้าวันไหนเราเดินได้ถึงเป้าหมาย ตัว Step Goal จะคอยเขยิบเป้าหมายให้มากขึ้นทีละนิด เพื่อให้เราทำให้ได้มากขึ้นๆ ในแต่ละวัน
  • 1+ Year คือระบบประหยัดพลังงานที่สามารถใช้งานได้ถึง 1 ปีเต็มครับ ถ้าแบทหมด ก็แค่ ไขน็อต 4 ตัวออกมาแล้วเปลี่ยนถ่านกระดุมแบบพื้นฐานเท่านั้นเอง
  • Sleep Monitoring คือระบบวิเคระาห์การนอนว่า ตอนเรานอน เราหลับตื้น หรือ หลับลึกแค่ไหน และสรุปผลของการนอนให้เราเห็นว่า คุณภาพการนอนของเรามันดีหรือแย่อย่างไรบ้าง
  • Move Bar คือแถบสีแดงที่จะเตือนว่า เรานั่งนิ่งๆ มานานแล้วนะ แถบแรกจะขึ้นมาหากเรานั่งนิ่งๆ เกิน 1 ชม และ แถบต่อๆไปจะโผล่มาหากเราอยู่นิ่งๆ ต่อไปอีกครั้งละประมาณ 15 นาทีครับ ซึ่งการที่เรานั่งทำงานนานๆ ก็ไม่ดีต่อร่างกายนะครับ แถบนี้จะช่วยเตือนให้เราขยับแข้งขยับขาบ้าง
  • Water Resistant คือความสามารถกันน้ำแถมไม่ใช่กันน้ำด้วยมาตรฐานห่วยๆนะครับ สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร!!!
  • Heart Rate ก็คือ ตัว Garmin Vivofit สามารถเชื่อมต่อกับ สายคาดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่รองรับมาตรฐาน ANT+ ได้ครับ ระหว่างที่คุณออกกำลังกาย หากคุณเชื่อมสายคาดหน้าอกเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็สามารถดูค่าจากตัว vivofit ได้เลย เพราะมีหน้าจอแสดงผลให้อยู่แล้ว
  • Wireless SYNC ด้วยความที่ตัวมันรองรับ Bluetooth Low Energy มันจึงส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังโทรศัพท์มือถือได้ ต่างจากหลายๆยี่ห้อที่จะต้องมาเสียบสาย เพื่ออัพเดทข้อมูลครับ
  • TIME บอกเวลาและวันที่ได้ หลายๆยี่ห้อ มันไม่บอกเวลาเพราะไม่มีหน้าจอครับ ฮ่า

IMG_1540

แกะกล่องมาจะพบกับของ 4 อย่างด้วยกันครับ นั่นก็คือ

  • ตัวอุปกรณ์ Garmin vivofit
  • สายรัดข้อมือสำหรับ ผู้ชาย และ ผู้หญิง อย่างละเส้น
  • ANT+ USB ไว้สำหรับส่งข้อมูลจากตัว vivofit ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์
  • คู่มืออย่างง่าย

อย่างที่เห็นจากในกล่องนะครับ เนื่องจากมันรองรับการใช้งาน 1 ปีเต็ม ในกล่องก็เลยไม่ได้ให้สายชาร์จมาด้วย

IMG_1547

สายรัดสำหรับผู้ชายและผู้หญิงจะมีความยาวต่างกัน วิธีการแกะก็ง่ายมาก แค่ปลดตัวแกนยึดที่เป็นยางก็ได้แล้ว

IMG_1543

ตัวล็อคสายจะเป็นเขี้ยวพลาสติกง่ายๆ ที่กดล็อคไประหว่างร่องสาย ดูเหมือนไม่แน่น แต่มันก็แน่นดีนะครับ ไม่ได้หลุดได้ง่ายๆจากการสะบัดด้วยการออกกำลังกายแน่ๆล่ะ

IMG_1546

ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนถ่าน vivofit แค่ขันน็อค 4 นี้ออกมาก็เปลี่ยนได้เลย เป็นแค่ถ่านกระดุมธรมดาๆครับ

IMG_1548

ตัว USB ANT+ ไว้สำหรับเสียบกับคอมพิวเตอร์

IMG_1535

Move Bar แถบสีแดงๆ ที่เป็นตัวบอกให้เรารู้ว่า ตอนนี้เรานั่งนิ่งๆมานานเกินไปแล้วนะ

IMG_1539

หน้าจอสามารถเลือกข้อมูลในการแสดงผลได้อย่างอย่างด้วยกัน โดยการกดปุ่มที่อยู่ข้างๆตัว vivofit เพื่อเปลี่ยนหน้าจอไปเรื่อยๆ ซึ่งข้อมูลที่สามารถบอกได้จะมีดังต่อไปนี้

  • จำนวนก้าวที่เราเดินไปในวันนี้
  • จำนวนก้าวเป้าหมายที่เหลือของเรา (Goal)
  • ระยะทางที่เราเดินไป
  • จำนวนแคลอรี่ที่เราใช้ไปกับการเดิน
  • เวลา และ วันที่
  • ระดับการเต้นของหัวใจ (ต้องเชื่อมกับ Heart Rate Monitor)

IMG_1522

ในการใช้งานครั้งแรก เราจำเป็นที่จะต้อง Pair กับตัว App ที่ชื่อว่า Garmin Connect ก่อน .. ความสามารถของ Garmin Connect คือ เป็นตัวกลางในการเชื่อมกับอุปกรณ์ทั้งหมดของ Garmin และนำข้อมูลที่ได้มาอัพโหลดไปบนเซิร์ฟเวอร์ของ Garmin ครับ

IMG_1527

สำหรับ vivofit จะทำการเก็บข้อมูลการเดิน การออกกำลังกาย และการนอนหลับของเรา ซึ่งเมื่อเรากด SYNC จากบนตัว vivofit ข้อมูลทั้งหมดจะส่งจากตัว vivofit มายังมือถือของเราโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเปิด app ทิ้งเอาไว้ก็ได้ อยาก sync ก็ sync ได้เลย ไม่จำเป็นต้องหยิบมือถือมารอ

IMG_1551

การกด Sync ทำได้ง่ายๆด้วยการ กดปุ่มค้างเอาไว้ พอคำว่า Sync ขึ้นก็ปล่อย เพียงเท่านี้ ข้อมูลก็จะส่งจาก vivofit ไปยัง Garmin Connect แล้วครับ

IMG_1554

นอกจากการตรวจสอบการออกกำลังกายแล้ว ยังตรวจสอบเรื่องคุณภาพการนอนได้ด้วยครับ ซึ่งหากเรากำลังจะนอน ก็ให้กดปุ่มบน vivofit ค้างเอาไว้จนกว่าคำว่า Sleep จะขึ้นมา แล้วก็นอนได้เลย (กดจนปุ่มเป็นคำว่า SYNC แล้วกดค้างต่อไป คำว่า SLEEP จะโผล่ขึ้นมาครับ)

ซึ่งถ้าหากเราลืมกด Track การนอน ในตัว Garmin Connect จะให้เราตั้งเวลานอนและเวลาตื่นที่เราทำบ่อยๆเอาไว้ อย่างผมตั้งไว้ว่า นอนเที่ยงคืน ตื่นประมาณ 7 โมงเช้า แบบนี้ หากวันไหนเราลืมกด ตัว vivofit ก็จะใช้เวลาที่เราตั้งเป็นค่ามาตรฐานไว้แทน รวมไปถึง เรายังกลับมาแก้ไขเวลา นอน และ ตื่นทีหลัง เพื่อแก้ไขค่าให้มันถูกต้องได้อีกด้วย

จากกราฟที่โชว์ขึ้นมา จะเห็นว่า ผมจะมี รอบ หลับตื้น ไปจนถึง หลับลึกอยู่ที่ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ ประมาณตี 4 จะเห็นว่ากราฟการเคลื่อนไหวสูงมาก เพราะลุกไปฉี่ และตอน 6 โมง กราฟพุ่งขึ้นสูงปริ๊ดเลย เพราะออกไปขี่จักรยานมาครับ มันวิเคาะห์ได้แม่นยำเหมือนกันนะเนี่ย

IMG_1555

ในเรื่องของการออกกำลังกาย นอกจากการตรวจจับจากการเดินในแต่ละวัน หากคุณออกกำลังกายพิเศษเพิ่มเข้าไป คุณก็สามารถไปใส่ข้อมูลการออกกำลังกายนั้นๆเพิ่มเติมได้ ผ่านทาง Garmin Connect เช่น ผมเดินชันบนเครื่องวิ่งประมาณครึ่ง ชม. ตอนเวลาประมาณ 18.06 มันก็จะเอาค่าความเคลื่อนไหวที่จับได้ช่วงนั้น มาระบุว่าเป็นการออกกำลังกายเฉพาะกิจของเราครับ

IMG_1513

Garmin vivofit ราคา 4,900 บาท โดยที่มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกันครับนั่นก็คือ ดำ เทา ฟ้า เขียว ม่วง

IMG_1514

บรรดา Blogger ที่ลองเอาอุปกรณ์มาทดสอบด้วยกัน ลงความเห็นว่า ถ้าจะซื้อให้ซื้อสีดำ หรือ สีเทา ที่เป็นสีพื้นฐาน ใช้ได้ทุกงาน และลงขันกันซื้อ สายคาดเพิ่ม ในกล่องมี 3สี ในราคากล่องละ 1,200 บาทครับ แล้วก็ไปแบ่งกันว่าจะเอาสีไหน ฮ่าๆ โดยส่วนตัวผมชอบสีดำ กับ สีฟ้าครับ ถ้าซื้อก็คงเอาคู่นี้แหละ อิอิ

IMG_1157

สรุปความรู้สึกหลังจากใช้งาน Garmin vivofit

  • น้ำหนักเบาและใส่สบายกว่า Jawbone UP ที่เคยใช้มาเยอะมาก เพราะ UP มันจะมีส่วนเกินงอกมา ทำให้เวลาเดินมันไปเกี่ยวโน่นเกี่ยวนี่
  • มีหน้าจอบอกเวลา โคตรมีความสุขกับความสามารถนี้เลย เพราะตอนใช้ Jawbone UP มันไม่มีนาฬิกาเลยต้องเลือกระหว่าง ไม่ใส่นาฬิกาเลย หรือ ใส่นาฬิกาที่ข้อมืออีกข้างนึง
  • แม่นยำเรื่องการนับก้าวเดิน อย่างที่ผมบอกไป ผมพยายามเขย่าๆ มัน ตัวนับก้าวมันก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่ง algorithm ตรงนี้แม่นจริงๆ
  • ไม่ต้องชาร์จแบท!! โคตรมีความสุขกับเรื่อง Battery มาก เพราะตอนใช้ Jawbone UP (อีกแล้ว) ต้องชาร์จทุกๆ 3-5 วัน แต่ตัวนี้ใส่ค้างได้เลยไม่ต้องกลัวแบทหมด ถ้าหมดก็แกะถ่านเปลี่ยนทีเดียวเลย
  • การที่เชื่อมกับสายคาด Heart Rate Monitor ผ่านโปรโตคอล ANT+ ได้ นักออกกำลังกายทั้งหลายคงชอบกันมาก สำหรับสายคาดวัดอัตราการเต้นหัวใจสำคัญยังไง ไปอ่านได้ที่นี่ เลยครับ
  • ตัวยางกันน้ำ เพื่อความแน่ใจ ตอนใส่ vivofit เข้ากับสาย ดูให้แน่ใจว่าขอบทั้งหมด เรียบสนิทดีนะครับ
  • สำหรับ Health Tracking Device ที่ครบเครื่องที่สุดประจำปีนี้ ผมยกให้ Garmin vivofit เลยคร้าบ

ตอนนี้ Melonbox เป็นตัวแทนจำหน่าย Garmin vivofit แล้วนะครับ ใครอ่านรีวิวนี้แล้วคันก็จัดไปซักตัวนึงจะได้หายคันนะครับ ซื้อ garmin vivofit ที่ Melonbox

http://www.youtube.com/watch?v=XHGq3ZJPnFc

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

27 comments

Leave a Reply