Sony Xperia™ Z Series .. เป็น Smartphone ระดับเรือธง ระดับสุดยอด ที่ Sony จะสร้างออกมาเพื่อรบกับชาวบ้านในสงคราม Smartphone ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และ Z3 ก็เป็นรุ่นสูงสุดประจำปีนี้และผมคิดว่าแฟนๆ ของ Soxy Xperia™ Z น่าจะชอบกันมากทีเดียวเชียวล่ะครับ
ผมเกริ่นหัวข้อเอาไว้ว่า Minor change that major change .. ถ้าจะให้แปลก็คือ ความเปลี่ยนแปลงแบบเล็กน้อยที่ส่งผลอย่างเยอะมากนั่นเอง ถ้าใครใช้ Soxy Xperia™ Z2 มาก่อน แล้วดูแค่ Spec ล่ะก็ คงจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลยมั้ง ผมเองก็คิดแบบนั้น ก่อนที่จะมาจับตัวจริง ซึ่งหลังจากที่ใช้งานก็พบความเปลี่ยนแปลงในเชิงการใช้งานระหว่าง Z2 กับ Z3 อยู่หลายอย่างเลยทีเดียว
สำหรับคนที่สนใจแต่ยังไม่รู้จักว่า ตระกูล Sony Xperia™ เป็นยังไงหรือมีความสามารถแบบไหน ผมอยากจะให้อ่านรีวิวของ Sony Xperia™ Z2 ทั้ง ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ประกอบด้วย เพราะองค์ประกอบของ Z2 กับ Z3 อย่าง Software , กล้อง , คุณภาพหน้าจอ มันเหมือนกันเลยครับ จะมีส่วนแตกต่างนิดๆหน่อยๆ เท่านั้น
ความเปลี่ยนแปลงในเชิง Spec ระหว่าง Z2 และ Z3 มีดังต่อไปนี้ครับ
- เพิ่มความเร็ว CPU จาก 2.3 Ghz ให้เป็น 2.5 Ghz
- เปลี่ยน SIM ที่ใช้งานจาก Micro-SIM ให้เป็น Nano-SIM (งานนี้ใครใช้ iPhone อยู่อาจจะมีใจสั่นได้ง่ายๆ)
- ถอดความถี่ 700 Mhz ที่รองรับอยู่ออกไป ดังนั้นใน Sony Xperia™ Z3 จะไม่รองรับ 4G LTE ที่ 700 Mhz (คือเท่าที่ดูจาก Wikipedia ประเทศที่รองรับ LTE ความถี่ 700 Mhz นี่ก็คือ โบลิเวีย โดมินิกัน เกาะเคย์แมน อะไรแบบนี้ บ้านเราคงไม่ค่อยไปเที่ยวกันมั้งครับ)
- Z3 น้ำหนักเบากว่า Z2 ถึง 9 กรัม!! (บอกไม่ถูกว่ามาก หรือ น้อย คือ ถ้าดูตัวเลขก็น้อยนะครับ แต่ถ้าดูว่า เทคโนโลยี + หน้าจอ ที่ขนาดเท่ากัน กลับทำให้น้ำหนักหายไปได้ 9 กรัม มันก็ถือว่า เยอะทางด้านเทคโนโลยีทีเดียวเชียวล่ะ)
- ระดับการป้องกันฝุ่นของ Z3 เป็น IP68 แต่ของ Z2 เป็น IP58 … ในแง่การกันน้ำ สามารถกันน้ำระดับน้ำจืด ลึก 1 เมตร ได้ 30 นาทีเท่ากัน แต่ระบบกันฝุ่นของ Sony Xperia™ Z3 จะดีกว่าครับ
- Battery 3,100 mAh จะน้อยกว่า Z2 หน่อยนึง (ของ (Z2 มี 3,200 mAh)
สำหรับเรื่อง Spec ทั่วๆไปของ Sony Xperia™ Z3 ผมคิดว่าลองไปอ่าน รีวิวที่ Blognone ประกอบ ก็ได้ครับ เพราะผมคิดว่า คนรีวิว Spec มีเยอะแล้ว Blog ของการรีวิวตอนนี้จะไปเน้นที่ความรู้สึกในการใช้งานซะมากกว่าครับ
ในชีวิตประจำวันของผม ผมใช้มือถือทำงานเป็นหลักมากๆ ประเด็นสำคัญๆ ที่ผมให้ความสำคัญในการเลือกโทรศัพท์มือถือมาใช้งานมีดังต่อไปนี้ครับ
- กล้องต้องดีมากๆ ซึ่งกล้องดี ไม่ใช่หมายถึงความสามารถเยอะนะ ผมต้องการแค่ กดๆ ไปเหอะ ขอให้มัน ชัดและสวยก็พอ รวมไปถึงทำงานรวดเร็ว กดต่อเนื่องในเวลาที่ต้องใช้งานได้ (ทำงานด้านข่าวและรายการทีวี ต้องสวยและเร็วครับ)
- หน้าจอสวยๆ คือคนเราก็ชอบที่จะมองอะไรชัดๆ สวยๆงามๆอยู่แล้วล่ะนะ
- เร็วส์… เพราะขี่เกียจรอครับ ผมจ่ายแพงๆ เพื่อของดีๆได้ แต่ขอให้มันเร็วและดีจริง อิอิ
- Battery อืดมากๆ เพราะขี้เกียจพก Power Bank และสายชาร์จ แต่ชอบใช้งานต่อเนื่อง โอ๊ย มันช่างขัดแย้งกันจริงๆเลยเนาะ
- เสียงดีๆ เพราะผมยัดเอาเพลงทั้งเครื่องยัดลงไป บวกซื้อหูฟังดีๆอย่าง Bose In Ear มาใช้งาน ก็ย่อมอยากจะได้รับประสบการณ์ที่ดีด้านเสียงเพลงอยู่หน่อยล่ะนะ เสียงดีๆ ภาพ Cover สวยๆ มันทำให้อารมณ์ในการฟังเพลงดีขึ้นมาก
และนี่แหละ คือประเด็นหลักๆ ในการเลือกมือถือของผม ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมใช้งาน iPhone5S อยู่ และมีอยู่ช่วงนึงที่สลับมาใช้ Xperia™ Z2 .. ก็พึงพอใจดี แต่เวลาจับแล้วมันยังทะแม่งๆ ไม่เข้ามือ ส่วนใหญ่เลยใช้งาน iPhone5S ซะมากกว่า
แต่ช่วงที่ผ่านมา พอได้ Sony Xperia™ Z3 มาใช้งาน เลยย้าย SIM มาเสียบเป็นเครื่องหลักเพื่อใช้งาน แล้วก็เอาไปทริป Honeymoon ที่หลีเป๊ะมาด้วยครับ เดี๋ยวจะขอเล่าความรู้สึกทั่วๆไปในการใช้งาน ไปเล่าไปเรื่อยๆ ละกันนะครับ
อย่างแรกเลย วัสดุที่ใช้ประกอบและดีไซน์ใหม่ ถูกใจผมมาก ตัว Body สีดำ จะเป็น Aluminium แบบ Unibody ไม่สามารถแกะ Battery ออกได้ โดยที่ทำขอบโค้งรับไปกับอุ้งมือที่ใช้ในการจับ ผมยอมรับเลยครับว่า ตอนจับเครื่อง Z3 ไอ้สัมผัสที่จับรอบๆเครื่องทำให้ผมถูกใจมากกว่าจับ Z2 มากๆเลยทีเดียว
เครื่องบางลงกว่าเดิมนิดนึง ซึ่งนิดนึงนี่แหละ ทำให้จับได้ลงตัวพอดี ผมชอบอีกเรื่องคือ ปุ่ม Power ที่เลื่อนลงมานิดนึง มันทำให้สามารถกดเปิดเครื่องได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นมือซ้าย หรือ มือขวา (ลองสังเกตในรูปนะครับ ผมจับเครื่องด้วยมือซ้าย นิ้วชี้จะพอดีกับปุ่ม Power On พอดีเลย ซึ่งกลับกัน ถ้าเป็นมือขวา ปุ่ม Power ก็จะอยู่ที่นิ้วโป้งขวา พอดีเป๊ะ
การเปลี่ยนเป็น Nano-SIM เป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุดเรื่องนึงเลยนะ คือแบบคนที่ใช้ iPhone แล้วอยากกระโดดไป Android เนี่ย มีปัญหาก็คือ ขี้เกียจไปทำเรื่องเปลี่ยน SIM ถึงแม้ว่ามันจะมีพวก SIM Converter ให้ใช้งานก็เถอะ แต่ผมเคยเจอปัญหา SIM ที่หลุดเข้าไปในเครื่องเพราะ SIM Converter เกาะไม่แน่น ผมเลยเข็ดขยาดไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนั้นอีก ดังนั้น การที่ Z3 เลือกที่จะใช้ Nano-SIM มันทำให้คนใช้ iPhone อย่างผมกระโดดไป Android แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดมากเลยคร้าบ
แฟนผมเค้าก็ใช้ iPhone จับคู่กับ Android เหมือนกัน โดยที่ จอยแฟนผมเค้าใช้ iPhone5S คู่กับ Sony Xperia™ Ultra สาเหตุก็เพราะว่า Battery อึด หน้าจอใหญ่ แต่ของผมขี้เกียจแบก 2 เครื่องเลย ใช้งานมันเครื่องเดียวนี่แหละ
ความสามารถของ Android ในช่วงหลังๆ เรื่มมีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานได้ดีมาก อย่างใน Z3 ก็มี Stamina Mode ซึ่งเป็นโหมดประหยัดพลังงานที่ทำให้เราสามารถเอาตัวรอดในช่วงยามคับขันตอน Battery ใกล้หมดไปได้ พอกดปั๊บระเบิดพลังซุปเปอร์ไซย่า สามารถลากใช้งานได้ยาวนานต่อเรื่อง 12 วันเลยทีเดียว (ปล. แต่ถ้าใช้งานก็ลดฮวบๆ นะ มันเอาไว้ Stand By ยามคับขันจ้า)
หน้าจอแบบ Triluminos นี่ผมเคยนำเสนอไปในเรื่องราวของ Z2 มาแล้ว ซึ่งใน Z3 มันก็ยังทำงานได้น่าประทับใจเหมือนเดิมครับ ความละเอียดของภาพ ความคม การแสดงเฉดสี การเร่งแสงสู้แดด ยังคงเต็มที่เหมือนเดิม คือ ใครดูแล้วไม่ร้องว้าว นี่ต้องตรวจสายตาแล้วนะ
ต่อไปก็เรื่องกล้องครับ อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น ผมเอา Z3 ไปหลีเป๊ะมา เกาะที่ห่างจากประเทศไทยที่สุด แดดสวย น้ำใส ถึงขนาดมีการขนานนามว่าเกาะนี้เป็น มัลดีฟแห่งเมืองไทยกันเลยทีเดียว ลองดูภาพได้ครับ
ภาพแรกถ่ายที่เกาะหินงามครับ เกาะนี้จะไม่มีหาดทรายเลย แต่จะมีหินสีดำ ที่สวยมากๆ อยู่เต็มเกาะเลยครับ และจะมีต้นไม้แทรกอยู่เล็กน้อย
อันนี้ลองใช้กล้องถ่ายในโหมดสิ้นคิด (โหมดออโต้) ถ่ายจังหวะที่น้ำทะเลซัดมาที่หิน จะเห็นว่า ตัวกล้องสามารถจับภาพความแตกต่างของหินที่สะท้องแสงด้วยน้ำได้ดีทีเดียวครับ
ภาพนี้ถ่ายบนเกาะครับ คือ มันจะมีตำนานว่า มาที่เกาะนี้ต้องเรียงหินให้สูงกี่ชั้นนี่แหละ แล้วความหวังจะเป็นจริง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรทำแล้วนะครับ มันเป็น Marketing Message เฉยๆ การเรียงหินแบบนี้ พอหินหล่นลงมาจะทำให้หินแตก พอแตกก็จะไม่สวยแล้วเกาะนี้ก็จะสูญเสียความงามลงไปเรื่อยๆ ใครไปเกาะนี้ก็ไม่ต้องไปเรียงหินแล้วนะครับ
ภาพนี้ก็เป็นต้นไม้บนเกาะครับ ที่อยากจะให้ดูคือสีเขียวที่ตัดกับสีฟ้า และความละเอียดของใบไม้แต่ละใบที่เก็บมาได้
อีกอันที่ชอบคือระบบกันน้ำ ที่เอา Z3 ไปทะเลก็เพราะอยากถ่ายใต้น้ำนี่แหละ
แต่ผมขอ Remark ตัวใหญ่ๆ ไว้ก่อนนะครับ ว่า Sony Xperia™ Z3 เคลมว่า สามารถ “กันน้ำจืด” ได้ลึก 1 เมตร ได้ยาวนาน 30 นาที ซึ่งการที่ผมหาญกล้ากระโดดลงทะเลนี่ ถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนือความสามารถที่เค้ารองรับมานะครับ ใครจะทำก็รับความเสี่ยงกันเองนะครับ
จริงๆ ภาพจากหลีเป๊ะยังมีอีกเยอะครับ ซึ่งสามารถไปกดดูภาพคุณภาพเต็มๆ แบบไม่ลด Bitrate ได้ที่ Picasa Album นี้ของผมเลยครับ
ภาพถัดมา อันนี้ถ่ายที่ IKEA .. เป็นภาพในสภาพแสงที่ไม่สว่างไม่เท่ากัน แต่โหมด Auto ก็สามารถเกลี่ยแสงออกมาให้ดูกลมกลืนกันไปทั้งภาพครับ
ภาพนี้จากงาน Thailand Game Show 2014 ครับ จากบูธของ Clickalot ภาพนี้ก็จะโชว์ความสามารถด้าน Auto ของกล่องในการถ่ายภาพที่มืดและสว่างแตกต่างกันมาก แต่รายละเอียดของภาพยังอยู่ครบครับ
สำหรับเรื่องเสียง อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจครับ และมีความแตกต่างจาก Z2 มากๆ … Sony เคยเป็นเจ้าพ่อเครื่องเสียงพกพามาก่อนภายใต้ Brand “Walkman” ที่โด่งดังมาตั้งกะช่วงปี 80 (ถึงแม้จะโดน iPod ต่อยซะจุกในช่วงปี 2000 ก็ตามที) แต่เทคโนโลยีของ Walkman ก็พัฒนาต่อเนื่องมาโดยตลอด ใน Sony Xperia™ Z3 ใช้ Sound Chipset ของ Qualcomm รุ่น WCD9320 ในการถอดรหัส เสียงเพลงและเสียงพูดคุย ซึ่งทำงานคู่กับตัวชิป TFA9890 จำนวนสองตัวในภาคขับเสียงออกมา
ผลที่ได้ก็คือ สามารถถอดรหัสไฟล์เสียงได้ดีกว่าเดิม เอาไฟล์ FLAC มาฟังได้ตรงๆ และ กำลังขับที่มากกว่าเดิม เพราะใช้ TFA9890 ถึง 2 ตัวด้วยกัน งานนี้เสียงโคตรแน่นสะใจเลยล่ะครับ
App Wakman ที่เป็นตัวเล่นเพลงของ Sony Xperia™ Z3 ก็ทำออกมาหน้าตาดี และมีความสามารถนึงที่ผมชอบมากครับนั่นก็คือ
มันสามารถเอาเพลงไปเช็คกับทาง Gracenote เพื่อดูว่าเพลงไหนยังไม่มีข้อมูล เช่น ชื่อเพลง ชื่อคนร้อง ชื่อ Album หน้าปก มันก็จะไป Download มาแปะให้ครบเลยครับ โคตรเทพจริงๆ
สำหรับคนใช้ Mac ก็ไม่มีปัญหานะครับ เพราะมีโปรแกรม Sony Bridge ในการลากข้อมูลเพลงทั้งหมดที่คุณซื้อจาก iTunes ลงมาในเครื่องนี้ได้ทันที
ปิดท้ายเล็กน้อย นั่นก็คือ การเทียบกับ iPhone6 .. ซึ่งใครๆก็อยากจับคู่ดวลกันมาด้วยตลอดอ่ะนะ ไม่ว่าจะเป็น Android ยี่ห้อไหนก็ตาม พอดีว่าผมพึ่งซื้อ iPhone 6 มาด้วย เลยขอเอามาเทียบกันแบบง่ายๆ ตามความรู้สึกนะครับ
เรื่องการจับ และ สัมผัสในการใช้งาน ว่ากันตามความชอบ ผมยกให้ iPhone6 ครับ เพราะจับใช้งานได้คล่องและสะดวกกว่า น้ำหนักเบากว่า
ส่วนเรื่องคุณภาพหน้าจอ ผมยกให้ Sony Xperia™ Z3 ชนะขาดเลย หน้าจอ Triluminos กับความละเอียด Full HD นี่มันเด็ดขาดดีจริงๆ
เรื่องคุณภาพเสียง ผมว่า เสียงของ Sony Xperia™ Z3 ดีกว่าแบบนิดเดียวจริงๆ ว่ากันตามจริงคือเฉือนกันไม่ลง แต่ในด้าน App Walkman ที่สามารถเติมรายละเอียดเพลงให้โดยอัตโนมัติ ทำให้เฉือนชนะไปได้แบบนิดเดียวจริงๆครับ
เรื่องกล้อง ผมทำการทดสอบถ่ายภาพมุมเดียวกัน ทั้ง 2 รุ่น แล้วเดี๋ยวจะเทียบทีละสถานการณ์ให้ดูนะครับ ว่าใครเจ๋งกว่ากัน
ทั้งหมด 5 สถานการณ์นะครับ ขอสรุปคร่าวๆแบบนี้ละกันนะ
แสงปกติในอาคาร
กินกันไม่ลง ทั้งรายละเอียด แสง ความคมชัด พอๆ กันทั้งคู่ครับ
แสงปกติ นอกอาคาร
ผมว่า Sony ชนะ เพราะสามารถเก็บรายละเอียดของต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ ศาลพระภูมิได้ดีกว่ามากเลยทีเดียว
ถ่าย Macro ระยะ 5 เซนติเมตร
ผมให้ iPhone ชนะ เพราะชัดกว่า และสีโต๊ะ ถูกต้องตามสภาพแสงมากกว่า
ถ่ายย้อนแสงเพื่อดู HDR
อันนี้ยกให้ Sony ชนะ เพราะให้สีที่ถูกต้องมากกว่าในขณะที่ภาพรถสีขาวของ iPhone จะออกส้มๆ
ถ่าย Panorama
iPhone ชนะครับ เพราะสามารถเกลี่ยสี ได้เรียบเนียนทั้งภาพ
แต่ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของรสนิยมนะครับ ว่าใครชอบแบบไหน โดยส่วนตัว ผมเองเป็นคนที่ไม่ได้ใช้ Android มากเท่าไหร่ ก็ประหลาดใจมากเหมือนกัน ที่สามารถใช้งาน Sony Xperia™ Z3 เป็นเครื่องหลักได้นานขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็นสาวก iPhone มาโดยตลอดนะ
60 comments