ตอนนี้หุ่นยนต์ทำความสะอาดกลายเป็นของจำเป็นสำหรับบ้านผมไปซะแล้ว ทั้งๆที่เมื่อปีกว่าๆ ยังแอบไปสบประมาทมันเอาไว้เลยว่า แค่หุ่นตัวกลมๆ วิ่งไปวิ่งมาในบ้าน มันจะเอาตัวรอดได้เร้อ จนกระทั่งซื้อมาทดลองใช้กับหุ่น iRobot รุ่น Roomba 760 ชีวิตการทำความสะอาดในบ้านก็เปลี่ยนไปเลยครับ นอนนิ่งๆ ดูหุ่นมันดูดพื้นไปไม่ต้องเหนื่อยกวาดบ้าน ฮ่าๆ พอดี ว่าปีนี้ถอย iRobot มาอีกตัวนึงเป็นรุ่นรอง Top ครับนั่นก็คือ iRobot Roomba 870 ก็เลยเอามารีวิวซะหน่อย
อย่างไรก็ตาม ลองอ่านรีวิวก่อนหน้านี้ผมเคยรีวิวตัว iRobot Roomba 880 ที่เป็นรุ่น Top ของ Series 8 และ iRobot Braba 380T ที่เป็นหุ่นยนต์ถูพื้น ประกอบด้วยนะครับ จะได้เข้าใจเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่อยู่ในหุ่นตัวนี้ เผื่อใครกำลังมองหาหุ่นยนต์ทำความสะอาดแต่ยังรู้สึกไม่มั่นใจในฝีมือของพวกมันแบบผมในตอนแรกๆ โดยเฉพาะรุ่น Top อย่าง 880 นี่อลังการ์มาก แต่ถ้าหากหลายๆคนงบประมาณไม่ถึง (รุ่น 880 ราคาประมาณ 30,000 บาทครับ) ลองดูรุ่น 870 เหมือนผมก็ได้ครับ
ก่อนจะอธิบายความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 รุ่นมาดูกันก่อนว่า ซื้อ iRobot 870 มานี่ เค้าให้อะไรมาบ้าง
แกะกล่องมาก็เจอเจ้าหุ่น iRobot นอนนิ่งอยู่ในกล่องพร้อมอุปกรณ์เสริมมากมาย
ฝาหลังกล่องมีบอกเล่าถึงเทคโนโลยีในรุ่น 8 เอาไว้อย่างครบถ้วน เดี๋ยวจะมาเหลาให้ฟังทีหลังนะครับว่ามันทำอะไรได้บ้าง
อุปกรณ์เสริมในกล่องมี
- Virtual Wall (กำแพงล่องหน) x 2
- ถ่าน 2 ชุด
- Home Base ไว้สำหรับให้หุ่น iRobot วิ่งกลับบ้านไปชาร์จไฟได้เอง 1 ชุด
Virtual Wall หรือกำแพงล่องหน จะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะเอาไว้กำหนดจุดห้ามผ่าน สำหรับ iRobot ครับ บางบ้านอาจจะมีห้องพระ, ห้องครัว หรือประตูหน้าบ้านที่เปิดไว้ตลอดเวลา แต่ไม่อยากให้ iRobot วิ่งออกไป เจ้า Virtual Wall นี่ช่วยได้ครับ เอามันไปวางไว้ตรงขอบกำแพงข้างนึง โดยหันทิศที่ลูกศรชี้ออกไปเพื่อวาดเป็นกำแพงล่องหนครับ เจ้าหุ่น iRobot จะไม่ย่างกรายออกนอกโซนที่กำหนดไว้เลย โดยที่ในรุ่น 870 ก็จะมี Virtual Wall มาให้ 2 อันด้วยกัน เหมาะมากสำหรับบ้านเลยครับ ของผมเป็นคอนโดเลยไม่ต้องใช้ Virtual Wall เท่าไหร่
มาดูหน้าตาเจ้า iRobot Roomba 870 กันบ้าง หมอนี่เป็นหุ่นทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 ซม สูงประมาณ 9.4 ซม ครับ มีปุ่มควบคุมทั้งหมด 5 ปุ่ม และ หน้าจอแสดงสถานะและไฟบอกสถานะ
พลิกมาด้านล่าง จะเห็น ระบบขับเคลื่อนจะใช้ล้อ 1 คู่ในการขยับตัวเองไป หน้า หลัง และหมุนซ้ายขวา เพื่อเลี้ยว และจะมีล้ออิสระ 360 องศา ช่วยประคองทิศทางครับ เจ้าหุ่น iRobot เวลาเลี้ยว มันไม่ได้เลี้ยวซ้ายขวาเลยนะครับ มันวิ่งตรงๆ แล้วค่อยๆหมุนตัวเองเพื่อเลี้ยวครับ
ส่วนหัวใจของการทำความสะอาดจะเป็นเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AeroForce ครับ โดยที่ ตัวก้าน 3 ขาที่ทำหน้าที่ ปัดฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปตรงกลาง แกนปั่นตรงกลางจะทำหน้าที่ปั่นสิ่งเหล่านั้นเข้าไปเก็บในถังเก็บฝุ่น รวมไปถึงถ้าเป็นพื้นผิวพรม มันจะปั่นเอาฝุ่นละอองบนพรมให้ลอยขึ้นมาด้วย ฝุ่นและสิ่งสกปรกจะถูกดูดผ่านตัวมอเตอร์ลมที่สร้างแรงดูดที่แรงกว่า iRobot Series 7 ถึง 5 เท่า เพื่อนำมารวมในถังเก็บฝุ่นครับ และ จุดสุดท้ายก็คือ ตัว Sensor ที่อยู่รอบเครื่องทั้งหมด 5 จุด ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบพื้นผิวที่ iRobot วิ่งว่าปลอดภัยหรือเปล่า รวมไปถึงเช็คพื้นผิวที่วิ่งผ่านด้วยว่าสะอาดหรือยังครับ
ก่อนจะเริ่มใชงานเราต้องดึงเอาแถบสีเหลืองที่เป็นตัวกั้น Battery ออกก่อนครับ รวมไปถึงกระดาษแข็งที่กั้นตรงถังเก็บฝุ่นออกด้วย
ถังเก็บฝุ่นของ Series 8 ถูกออกแบบใหม่ให้นำเอาขยะไปเททิ้งได้ง่ายกว่าเดิม และ ทำความสะอาด Filter ง่ายกว่าเดิมมากๆครับ ผมใช้ Series 7 มาก่อน จะไม่ค่อยชอบที่ฝาปิดมันหลวมไปหน่อย และ การทำความสะอาด Filter ต้องงัดเอา Filter ออกมาจากตัวถัง แต่ใน Series 8 ฝาถังแน่นหนากว่าเดิม และพอเปิดออกมาก็ใหญ่กว่าเดิมทำให้เทฝุ่นผงได้ง่ายขึ้น
ส่วนตัว Filter ก็เปิดฝาสีแดงออกมาแล้วก็ใช้แปรงทำความสะอาดได้เลยครับ ง่ายกว่ารุ่นเก่ามากๆ
ลืมบอกไปว่า ในอุปกรณ์เสริมจะมีตัว Filter มาให้อีกอันนึงด้วยครับ
เทียบระหว่าง รุ่นใหม่ iRobot 870 และ รุ่นเก่า iRobot 760 ที่ใช้มาประมาณปีกว่าๆ
พอหงายท้องแล้วจะเห็นว่า iRobot 760 ตัวเก่าของผมแอบโทรมมาก เพราะมันวิ่งทุกวัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อดูดขนของเจ้าเมล่อนหมาของผม และ ฝุ่นที่เกิดขึ้นในบ้าน ขนาดคอนโดผมอยู่สูง 16 ชั้น ฝุ่นที่มันดูดได้ยังเต็มถังเก็บฝุ่นเลยครับ
ตัว iRobot Roomba 870 สามารถตั้งเวลาทำงานล่วงหน้าได้ทั้งหมด 7 วันครับ เมื่อออกไปวิ่งทำความสะอาดจนเสร็จแล้ว มันก็จะกลับมาที่ Home Base เพื่อชาร์จไฟแล้วรอออกไปทำงานในครั้งต่อไปที่ตั้งเวลาไว้ ผมจะตั้งไว้ให้มันทำงานประมาณ 5 โมงเย็นของทุกวันครับ พอกลับมาถึงบ้าน เราจะได้เดินบนพื้นสะอาดๆพอดี
iRobot 870 สามารถใช้ Home Base ตัวเดียวกับของ 760 ก็ได้ แถม Virtual Wall ก็ยังสามารถใช้กับหุ่น iRobot ได้ทุกรุ่นครับ อุปกรณ์เก่าๆ ก็สามารถทำงานร่วมกับรุ่นใหม่ได้นะ
อีกเรื่องที่ผมชอบมากก็คือ ใน iRobot Roomba 870 จะมี HEPA Filter หรือตัวกรองอากาศในระดับเดียวกับเครื่องฟอกอากาศมาด้วยครับ คือพวกหุ่นทำความสะอาดพวกนี้ส่วนใหญ่จะใช้หลักการเดียวกัน ก็คือ วิ่งไปกวาดฝุ่น แล้วดูดขึ้นมาเก็บในถัง ซึ่งการดูดอากาศเข้ามา มันก็คือหลักการเดียวกับพวกเครื่องกรองอากาศน่ะแหละครับ ดังนั้น ไหนๆ ก็ไหนๆ ทาง iRobot ก็เลยใช้ Filter ระดับเครื่องกรองอากาศไปเลย เพื่อให้ดักจับฝุ่นขนาดเล็กมากๆได้ และกรองอากาศไปในตัว เรียกได้ว่า ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แถมเครื่องกรองอากาศวิ่งได้ไปในตัวครับ
ส่วนความแตกต่างระหว่างรุ่น 870 ตัวรอง กับ 880 ตัว Top ก็มีดังต่อไปนี้ครับ
- Virtual Wall ของ iRobot 880 สามารถเปลี่ยนจากโหมด Virtual Wall ให้กลายเป็น Light House ได้ (เปลี่ยนจากกำแพงห้ามเข้า ให้กลายเป็นประภาคารนำทางให้ไปทำความสะอาดยังห้องถัดไปได้ครับ
- ตัว iRobot 880 จะมีรีโมทคอนโทรลมาให้
แค่เนี้ยแหละครับ โดยรวมแล้ว ถ้าบ้านคุณไม่ซับซ้อน ไม่ใหญ่มาก การเลือกใช้ iRobot 870 ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากครับ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ระดับนึงเลย แต่ถ้าเกิดบ้านใหญ่มาก ซับซ้อน การมี Light House ใน iRobot 880 นี่จะทำให้เจ้าหุ่น iRobot สามารถทำความสะอาดได้ครบถ้วนมากขึ้นครับ
สรุปการใช้งาน iRobot 870 มาประมาณ 2 อาทิตย์
- มอเตอร์ทำงานเงียบกว่ารุ่น 760 มากๆครับ
- เรื่องความสะอาดนี่ ก็พอๆกันนะ
- แกนปั่น AeroForce ที่เป็นยางทำความสะอาดง่ายกว่า แปรงปั่นใน 760 มาก แกะออกมาล้างน้ำได้เลย
- Filter จะมีอายุการทำงานประมาณ 2 เดือนนะครับ ส่วนแกนปั่นก็ตามสภาพขึ้้นอยู่กับพื้นที่การใช้งาน ถ้าคุณซื้อ iRobot มาใช้ก็เหมาพวกอะไหล่ Filter พวกนี้มาด้วย ราคาไม่แพงมาก เหมามาใช้ซักปีนึงได้เลยครับ
ปิดท้ายด้วยเรื่องเล่าสยองขวัญสำหรับคนที่อยากจะเอา iRobot ไปกวาดฝุ่น และขนหมาในคอนโด ให้ระวังเหตุการณ์แบบผมเอาไว้ด้วยนะครับ
ผมเลี้ยงหมาพันธุ์ Jack Russell ในคอนโดชื่อเจ้าเมล่อนครับ โดยที่ ก่อนออกจากบ้าน จะเอาเมล่อนขังกรงไว้ แล้วพอประมาณ 5 โมงเย็นเจ้าหุ่น iRobot 760 ตัวเก่าของผมก็จะวิ่งออกมาทำความสะอาด มีอยู่มาวันนึง กลับมาบ้านแล้วเจอเรื่องสยองขวัญมาก นั่นก็คือ วันนั้นเมล่อนมันแอบไป “อึ” เอาไว้ในที่ๆผมมองไม่เห็น แล้วผมก็จับมันขังกรง ตามปกติ พอเจ้า iRobot ออกมา มันก็ไถเอาขี้เปียกๆของ เมล่อนไปด้วย แถมยังวิ่งไปรอบห้อง
พอผมเปิดประตูบ้านเท่านั้นแหละ น้ำตาจะไหลกับภาพของห้องที่โดนเจ้า iRobot เอาอึปาดไปทั้งห้องครับ ล้างเช็ดกันแทบตาย แถมยังต้องเปลี่ยน Filter ให้เจ้า iRobot ใหม่หมด
ไม่พอยังต้องแงะเครื่องออกมาล้าง อึ อีกต่างหาก น้ำตาจะไหล ยังไงก็ตาม ใครที่ใช้ iRobot จัดการขนสัตว์เลี้ยงก็อย่าลืม เช็ค อึ ดีๆก่อนออกจากบ้านนะครับ ฮ่าา
42 comments