Home -> Review -> รีวิว MEVO กล้อง 4K ที่ตัดต่อภาพสดๆตอนถ่ายพร้อม Facebook Live ได้

รีวิว MEVO กล้อง 4K ที่ตัดต่อภาพสดๆตอนถ่ายพร้อม Facebook Live ได้

เชื่อว่าหลังจากที่ Facebook เปิดตัวความสามารถชื่อ Facebook Live มาเนี่ย คนไทยอย่างพวกเราก็ใช้ฟีเจอร์นี้ถี่จนติดอันดับโลกที่ปล่อย Facebook Live กันเป็นว่าเล่นเลยใช่ไหมครับ ซึ่งสำหรับคนที่ทำงานด้านโปรดักชั่น ผมว่าคุณๆน่าจะชอบกล้องตัวนี้เลยล่ะ MEVO เป็นกล้องที่ได้รับรางวัลกล้องโคตรพ่อยอดเยี่ยมจากงาน CES 2016 เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมาครับ จุดเด่นโคตรเทพของมันก็คือ การที่มันสามารถถ่ายวีดีโอแล้วก็ตัดต่อภาพที่ต้องการได้แบบ Realtime ตอนยิง Live สดๆไปเลยด้วยกลไลที่แสนขี้โกงของมันครับ แต่ตอนแรกที่เห็นก็แบบ เออว่ะ มันทำแบบนี้ได้ด้วยนี่หว่า เจ๋งแฮะ เลยหน้ามืดสั่งซื้อมาทันทีที่มันเปิดให้ Pre-Order ครับ

SNAG-0022

ซึ่งตอนนี้มันก็มีดราม่าเล็กน้อยระหว่างคนที่สั่ง Pre-Order กับทาง MEVO นี่แหละครับ เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนที่ MEVO Pre-Order ก็มีคนมากมายทั่วโลกไปกดซื้อกันมาเพียบเลย พอสินค้าล็อตแรกมา เค้าก็จัดส่งในสหรัฐอเมริกาก่อน เออ ok อันนี้ยอมรับได้ ผมก็คิดว่า ล็อตถัดมาน่าจะเป็นของคิวลูกค้าที่ซื้อนอก US … แต่ทว่า ตอนนี้ลูกค้านอก US ยังไม่ได้เลยครับ และที่มันยิ่งดราม่ามากไปกว่านั้นก็คือ ร้านค้าออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้เอา MEVO มาขายหน้าร้านกันยกใหญ่เลย WTF!!! อะไรของมันฟระเนี่ย

พอดีทราบจากคุณกั้ง Siampod ว่า ตอนนี้คนที่สั่งล็อตแรกที่เป็นนอก US ก็ยังไม่ได้ของอยู่ดี แกเลยกดสั่งจาก B&H ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชื่อดังจากอเมริกา ซึ่ง ราคากล้อง 399$ + ค่าส่งอีก 36.61$ + ค่าภาษีที่มาเก็บหน้าบ้านอีก 1,040 บาท และใช้เวลาแค่ 5 วัน ฉันก็ได้กล้องแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย ไอ้ MEVO พวกเมิงทำอะไรกันอยู่

เอาเหอะ เดี๋ยวถ้ากล้องที่สั่งจากทาง MEVO เข้ามา ก็เดี๋ยวหาเรื่องขายต่อละกันครับ

IMG_0477

ผมสั่ง MEVO รุ่นที่ไม่มีอุปกรณ์เสริม + สีดำมาครับ หน้าตากล่องก็ประมาณนี้แหละ แพ็คมาค่อนข้างปลอดภัย ข้างในอัดบับเบิ้ลป้องกันแรงกระแทกเพียบ

IMG_0480

แกะออกมาก็เจอกล้อง MEVO นอนสงบนิ่งพร้อมสโลแกะของ MEVO ครับ “Direct Your Story” แหม่ เท่จริมๆ

IMG_0481

ตามสเป็กของตัวกล้องก็คือ ใช้เลนส์ไวด์กว้าง 150 องศา ค่า f2.8 พร้อมกับเซนเซอร์รับภาพขนาด 4K ของ Sony ขนาดสัดส่วนของภาพเป็น 16:9 และรองรับ Framerate สูงสุดที่ 30fps ครับ ด้านหน้าจะเป็นแถบลำโพงสีแดงๆ ซึ่งตรงนั้นเป็นตำแหน่งไมโครโฟนของเครื่องด้วย

IMG_0482

ด้านล่างเป็น Connector พิเศษที่เอาไว้ต่อกับ Pro Accessories ของ MEVO ครับ ชื่อว่า MEVO Boost สามารถเพิ่ม Battery + ทำให้ MEVO ต่อ LTE ได้ แถมมีช่อง Port LAN มาให้อีกต่างหาก

IMG_0483

ด้านบนเป็นปุ่ม Power ครับ และแถบขาวๆรอบ เป็นไฟ LED ที่เรียกว่า LED Ring จะแสดงสถานะการทำงาน ผ่านไฟตรงนี้ครับ

IMG_0484

ด้านหลังจะเป็น Port Micro USB ไว้สำหรับชาร์จไฟ แล้วก็ข้างล่างเป็น Micro SD Slot ครับ ตัวเครื่องให้หน่วยความจำขนาด 16GB มาด้วย

IMG_0485

ในกล่องก็มี Accessories มาให้อีก 3 ชิ่้น แต่เป็นสายชาร์จ กับหัว Adapter ซะ 2 ชิ้นแล้วล่ะครับ

IMG_0486

ชิ้นนี้ชื่อว่า MEVO Mount ครับเป็นตัวปิดตูด MEVO เพื่อให้ Mount กับขากล้องทั่วไปได้

IMG_0489

แกะสติ๊กเกอร์ที่ตูดของ MEVO Mount ออกมาก็เป็นเกลียวหมุนแบบนี้เลย

IMG_0494

พอประกบร่างเข้าด้วยกัน ก็บิดเกลียวด้านล่างมาที่ตัวล็อคสีแดงเพื่อล็อค Mount ไม่ให้หลุดจากกล้องครับ

IMG_0495

การใช้งาน MEVO จะต้องใช้งานผ่าน App ที่ชื่อ MEVO ซึ่งตอนนี้มีเฉพาะ iOS อย่างเดียวนะครับ และถ้าไม่มี App มาเชื่อมต่อ กล้องจะไม่ทำงานนะครับ บอกไว้ก่อน

IMG_0499

การเชื่อมต่อตัว MEVO จะมี 3 แบบด้วยกัน

  • เชื่อมต่อกับ Wireless จากตัว MEVO เอง
  • จับตัว MEVO เชื่อมต่อกับเครือข่ายที่คุณใช้งาน และให้ iPhone / iPad อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
  • ต่อผ่านสาย LAN (แต่ต้องมีตัว MEVO Boost)

ทีนี้ก็มาถึง Feature ขี้โม้ของ MEVO ที่ทำให้ผมวู่วามรูดซื้อมาโดยไม่คิดชีวิต นั่นคือความสามารถในการตัดต่อแบบ Realtime ครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไงได้ดีเท่าวีดีโอตัวนี้ครับดูเอาเลยดีกว่า

ก่อนอื่นเลย เวลาที่เราใช้กล้องตัวเดียวถ่ายวีดีโออะไรค้างภาพเดิมไว้นานๆ เช่นการรีวิว การสัมภาษณ์ มันจะน่าเบื่อมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะสลับด้วย หน้าของคนถาม หน้าของคนตอบ ของบนโต๊ะ หรือ ภาพกว้างอะไรแบบนี้ แต่การจะทำอะไรแบบนี้ได้ จำเป็นจะต้องมี กล้องหลายๆตัวบวกด้วยระบบสลับภาพครับ คนคุมภาพก็จะเป็นคนกำหนดว่าจังหวะนี้ควรจะส่งภาพอะไรออกไปให้ผู้ชมดู

ถ้าดูจากวีดีโอจะเห็นว่า MEVO ใช้เทคนิคการ Crop ภาพ แล้วก็นำเอาเฟรมส่วนที่ Crop ไปเป็น Output ครับ ซึ่งมันเป็นสาเหตุที่ทำไมกล้องตัวนี้ใช้ Sensor 4K แต่ดัน Output ภาพออกมาเป็น 720p ครับ เพราะมันใช้การ Crop ไปฉายนั่นเอง

IMG_0498

การจะใช้งาน MEVO ได้ ตัว MEVO จะต้องเชื่อมกับ App MEVO เท่านั้นครับ ถ้าไม่มี App ก็จะไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งจะเชื่อมด้วย Hotspot บนตัว MEVO เอง หรือจะต่อกับ WIFI ในพื้นที่ก็แล้วแต่คุณ แต่ถ้าคุณเชื่อมด้วย Hotspot บนตัว MEVO เวลาที่ปล่อยภาพออก Livestream.com หรือ Facebook Live มันจะใช้ Data ผ่าน 4G บนมือถือของคุณนะครับ

IMG_0536
เมื่อเราเชื่อมกับกล้องได้แล้ว ก็จะมี interface ที่เห็นดังรูปเลยครับ กดปุ่มสีแดง จะเป็นการ Record ภาพ ซึ่งจะ Record ลง MicroSD เฉยๆ หรือจะปล่อยเป็น Live ไป LiveStream หรือ Facebook ก็แล้วแต่ครับ

IMG_0537

ทีนี้อยากให้ดูในรูปก่อน จะเห็นว่ามันมีภาพวีดีโอ 2 ส่วนหรือ หน้าจอใหญ่ กับ หน้าจอเล็กใช่ไหมครับ หน้าจอเล็กก็คือ ภาพที่ตัว MEVO ปล่อยออกไป Live หรือ อัดลงการ์ดนั่นแหละครับ

จะเห็นว่ามันมีสีเหลี่ยมเล็ก กับ ใหญ่ครอบผมอยู่ สี่เหลี่ยมเล็กก็คือ ระบบ Face Detection ครับ ถ้ากล้องนี้เห็นหน้าคนมันจะมีสี่เหลี่ยมเล็กขึ้นมาให้ ถ้าเราอยากจะเลือกหน้าคนนี้ ก็แตะที่สี่เหลี่ยม หรือ ถ้าไม่ได้กดเอง ระบบ Auto Pilot จะสลับหน้านี้ขึ้นมาโชว์ด้วยระหว่างที่ถ่ายวีดีโออยู่

IMG_0527

ถ้าคุณแตะรูปที่เป็น สี่เหลี่ยม 6 อันตรงขวาล่าง มันจะเข้ามาที่หน้าจอให้เลือกสลับภาพครับ เหมือนกับเราสามารถ บันทึกเฟรมภาพไว้ได้ 9 จุด แล้วเวลาที่ออกอากาศ คุณอยากจะใช้ภาพกว้าง ภาพแคบ ภาพคนที่หนึ่ง หรือ คนที่สอง คุณก็ทำการเลือกผ่านหน้าต่างนี้ได้เลยครับ

IMG_0529

อีกเรื่องนึงคือ เรื่องเสียงครับ ถ้าเราทำงานด้าน Production หลายๆคนจะรู้ดีกว่า เสียงก็สำคัญพอๆกับภาพ ถ้าเสียงห่วย คนก็อาจจะไม่ทนดูต่อก็ได้ถึงแม้ว่าภาพจะสวยแค่ไหน ตัวกล้อง MEVO มีไมโครโฟนด้านหน้ากล้องมาให้ซึ่งผมก็อยากจะบอกว่า เป็นไมค์ที่ธรรมดาครับ ไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ที่เจ๋งคือ เราสามารถใช้ Source เสียงจาก iPhone / iPad ที่เราต่อเชื่อมกับ MEVO ได้ด้วย ดังนั้น ถ้าเราหาไมโครโฟนดีๆเสียบเข้ากับ iPhone แล้วเลือกบันทึกจาก iPhone ก็สามารถแปลง iPhone เป็นระบบไมค์ไร้สายให้กล้อง MEVO ได้เช่นเดียวกันครับ

IMG_0533

ในส่วนของ Advance Setting ก็สามารถปรับ Filter เพิ่มค่า EV เพื่อชดเชยแสง หรือ ปรับ White Balance ได้ด้วยครับ

IMG_0534

ค่าความสว่าง ค่าความคมชัดของภาพ ปรับได้ค่อนข้างเยอะดี  มีโหมดที่ชื่อว่า LiveStream Studio Remote Camera ด้วย ท่าทางจะเป็นโหมดที่แปลงให้กล้อง MEVO ทำงานได้หลายๆตัวพร้อมกันแล้วไปเชื่อมกับระบบของ LiveStream ครับ

IMG_0525

เพื่อความปลอดภัยไม่ให้ใครมาซนกับกล้องเราเวลาเชื่อม Network คุณสามารถใส่ Password ให้กับกล้องได้ด้วยนะครับ

ทีนี้มาดูวีดีโอโชว์ความสามารถของกล้อง MEVO หน่อยว่ามันเจ๋งขนาดไหน

อันนี้คือวีดีโอที่ผม Capture หน้าจอมาจาก iPad เพื่อให้เห็นภาพการควบคุมกล้อง แล้วก็หน้าจอของ App MEVO ครับ จะได้เข้าใจการทำงานของมัน

ส่วนวีดีโอนี้ ก็คือ ภาพที่ถ่ายจากกล้อง MEVO บนวีดีโอแนะนำตัวเดียวกันครับ

อันนี้เป็นวีดีโอทดสอบระบบ Auto Pilio ของกล้อง MEVO ครับ

อันนี้เป็นการทดสอบเอาไปทำ Facebook Live ในงานครบรอบ 10 ปีของรายการ ช่างคุย ครับ

สรุปความรู้สึกจากการใช้กล้อง MEVO

  • ค่าตัวที่ได้มาประมาณ 16,xxx บาท แต่บอกเลยว่าคุ้มมากกับ Video Blogger ที่ทำรีวิว หรือ สัมภาษณ์เยอะๆ
  • คุณภาพของภาพที่เป็น 720p ก็ค่อนข้างคมชัดเลยทีเดียว
  • เวลา Live ภาพออกไปทาง Facevook ใช้ Bandwidth ไม่ค่อยเยอะ แต่ 2mbps ก็สามารถ Live ออกไปได้แล้ว
  • Battery ไม่ค่อยอึดเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้เตรียมสาย MicroUSB เสียบ Power Bank ให้มันเลยดีกว่า
  • ไมโครโฟนหน้าที่อยู่บนตัว MEVO รับเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้ต่อไมโครโฟนแยกดีกว่า
  • ไฟ LED Ring สีสวยดี บอกสถานะได้เข้าใจง่าย
  • น่าจะแถมถุงกันกระแทกหรือเคสมาให้เวลาพกพาไปใช้ที่ไหนซักหน่อยนะ
  • ยังมีอาการงงๆ เวลาที่ auto pilot ทำงานอยู่บ้าง อย่างน้อยถ้าเป็นไปได้ก็หา คนซักคนคอยดูมุมกล้องไว้หน่อยก็ดีครับ
  • รอลุ้น App มัน Update ความสามารถเผื่อจะสามารถใช้ 2 กล้อง เชื่อมกันแล้วทำมุมกล้องได้ 18 แบบ อะไรแบบนี้

 

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

Leave a Reply