Home -> Review -> รีวิว True CCTV กล้องวงจรปิดใช้ 4G อยู่ที่ไหนก็ดูภาพสดได้

รีวิว True CCTV กล้องวงจรปิดใช้ 4G อยู่ที่ไหนก็ดูภาพสดได้

เมื่อวันที่ 4 – 14 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นมาครับ ยิงยาวสิบวัน หลายคนอาจจะนึกว่าโอ้ สวรรค์ชัดๆ แต่เปล่าเลย เพราะก่อนหน้านั้นต้องเคลียร์งานลูกค้าหูตูบ และที่สำคัญต้อง วิ่งไล่หาที่ฝากหมาที่เลี้ยงไว้นี่แหละครับ สุดท้ายหาเพื่อนรับฝากไม่ได้ เลยต้องฝากคุณพ่อของแฟนผมเค้าช่วยดูแล

ทีนี้ เอาหมาไปฝากท่าน ผมเองก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน คือ ห่วงทั้งคุณพ่อตา ห่วงทั้งหมา เพราะอีเมล่อนเป็น Jack Russell ที่บ้าพลัง กับ โทนี่ที่เป็น Italian Greyhound ที่วิ่งไฟแลบ ผมก็กลัวว่า จะไปเกี่ยวท่านล้ม หรือ ทำข้าวของเสียหายบ้างหรือเปล่า และอีกหลายๆเรื่องเลยล่ะ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ก็เอากล้องวงจรปิดแบบง่ายๆ ไปติดตั้งก็แล้วกัน

พอดีทาง True ส่งกล้อง True CCTV มาให้ทดสอบ โอ้แม่เจ้า รู้ได้ไงว่าผมกำลังอยากได้ พูดแล้วเหมือนขี้โม้ แต่จังหวะอะไรจะตรงเผงขนาดนั้น ฮ่าๆ จะว่าไปกล้องวงจรปิด กลายเป็นของที่หลายๆคนเริ่มอยากจะได้มาใช้ที่บ้านกันเยอะมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาครับ สาเหตุก็เพราะว่า

  • ราคาถูกลงกว่าเดิมมาก จากเมื่อก่อนที่ต้องติดกันขั้นต่ำ 5 กล้อง + ลากสาย + กล่อง DVR ติดกันที หมื่นกว่าบาทยันแสนก็มี เดี๋ยวนี้กล้อง IPCam ตัวนึงเริ่มต้นที่ไม่กี่พันบาท แค่เสียบปลั๊กไฟแล้วจับต่อ Internet ก็ใช้งานได้แล้ว
  • มีระบบ Cloud ที่ทำให้เข้าถึงกล้องจากที่ไหนก็ได้ ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องทำ Dynamic DNS กับ Port Forwarding อีกต่อไป
  • การบันทึกภาพไม่ต้องใช้กล่อง DVR กับ Harddisk ก็ได้ เพราะว่าสามารถเสียบ MicroSD เพื่อบันทึกข้อมูลได้เลย
  • Internet แรงมากขึ้น ทำให้การเตรียม Bandwidth เพื่อดูกล้องออนไลน์แบบชัดๆไม่ได้ราคาแรงอีกต่อไป

กล้อง True CCTV ตัวนี้ทาง True พัฒนาตัว App ขึ้นมาเอง จะเห็นว่าหลังกล่องมันมีคำว่า 4G ๆๆๆ ลอยเต็มไปหมดเลย ใช่แล้วครับ กล้องตัวนี้นอกจากจะต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทาง สาย LAN หรือ WIFI ได้แล้ว มันยังเสียบ Sim Card เพื่อให้ออนไลน์ผ่าน 4G ได้อีกต่างหาก

ตัวเครื่อง True CCTV สามารถใส่ Sim 4G ได้ ความเร็วที่ได้ก็ประมาณ Cat4 ที่ Download 150Mbps กับ Upload ที่ 50Mbps (ไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่น) แน่ล่ะ กล่องนี้ True ทำเอง ทาง True ก็จะมีโปรโมชั่นสำหรับคนที่ซื้อเครื่องพร้อมเปิดเบอร์ครับ เดี๋ยวบอกตอนท้าย Blog ละกันนะ

ในกล่องก็มีอุปกรณ์ประมาณนี้ครับ ตัวกล้อง / Power Adapter / คู่มือการใช้งานภาษาไทย แล้วก็ CD!! ชิปหาย จะไปเอา Drive ที่ไหนมาอ่าน แต่ไม่เป็นไรครับ จริงๆ ไม่ต้องใช้ก็ได้นะ เพราะสามารถ Config ผ่าน App ได้เลย

ตัวกล้องรองรับการทำ Pan / Tilt หรือ การหันหน้าจอกล้องไปยังทิศที่เราต้องการได้นั่นแหละครับ อยากจะสั่งให้หันไปทางไหน ก็เอามือถูหน้าจอ เอาเลย เดี๋ยวกล้องมันหันเอง ส่วนการ Zoom ไม่มี Optical Zoom นะครับ มีแต่ Digital Zoom  ตัวเซนเซอร์รองรับความละเอียดระดับ HD 720p แต่ไม่ได้บอก bitrate ว่าใช้เท่าไหร่ แถมมี IR Filter ที่สามารถยิงแสง Infrared ให้มองในที่มือได้ด้วยครับ

ข้างหลัง จะมีช่องให้เสียบ สาย LAN / Sim Card แล้วก็ Card Reader ครับ สามารถใส่ MicroSD ได้สูงสุด 32GB  กล้องตัวนี้มีลำโพงในตัวนะครับ สามารถส่งเสียงคุยจากมือถือเข้ามาได้  เช่นถ้าเกิดเราเปิดภาพมาแล้วเจอ โจร หรือใครที่ไม่รู้จักผ่านเข้าไป ก็ส่งเสียงขู่ไปก่อนเลยก็ได้นะครับ

ข้างใต้เครื่อง จะมีปุ่ม Reset ซึ่งจะใช้บ่อยตอนติดตั้งนะครับ ฮ่าๆ ใครทำไม่เป็นอาจจะได้ reset หลายรอบหน่อย แล้วก็ที่ใต้ฐานจะมี Mount แบบ Tripod พื้นฐานด้วย สามารถย้ายไปติดบนขาตั้งกล้องแบบมาตรฐานได้นะครับ

ตอนผมไปติดตั้งที่บ้านพ่อตา ก็เอาไปติดตั้งไว้ง่ายๆบนตู้นี่แหละครับ จากนั้นก็ลากสายไฟไปเสียบ จากนั้นก็เปิด App เพื่อ Config การทำงานเบื้องต้น

สำหรับ App ที่ใช้ควบคุมชื่อว่า True CCTV ครับ สามารถ Download ได้จาก link นี้ สำหรับ IOS / สำหรับ Android อ้อ แล้วก็ จำเป็นต้องมี True ID เพื่อสมัครใช้บริการด้วยนะครับ

การ Add กล้องทำได้สองแบบ คือใช้ระบบ Smartlink ซึ่งให้เสียบปลั๊กกล้อง จากนั้นกดระบบ Smartlink แล้ว ตัวแอปจะเช็คว่าเรากรอก WIFI ชื่ออะไรในบ้านอยู่ จากนั้นให้ใส่รหัส WIFI ของบ้านเราเข้าไป พอกด Next ไปเรื่อยๆ มือถือก็จะส่งเสียงชวนหนวกหูออกมาเป็นคลื่นเสียงให้กับกล้องได้ยิน เพื่อให้กล้องเอาคลื่นเสียงนั้นไปแปลงเป็นค่าในการเชื่อมระบบอีกที โคตรเท่เลยครับ แต่ทำอยู่หลายรอบไม่ติดซักทีเลยย้ายไปทำแบบ Manual แทน ฮ่าๆ

แบบ Manual ก็ไม่ยากครับ เริ่มจาก พลิกใต้เครื่อง มองหา Device ID กับ Device Password ที่อยู่ใต้เครื่อง กรอกลงไป แล้วก็รอแปบนึง จากนั้นก็เชื่อมต่อกับกล้องได้แล้วครับ แต่วิธีเชื่อมกับกล้องแบบนี้จะเป็น WIFI Direct ซึ่งไม่เหมาะกับการดูจากระยะไกลเช่นนอกบ้าน ดังนั้น เมื่อเราเชื่อมต่อกับกล้องได้แล้ว ก็รีบๆเข้าไปแก้ไขค่า Setting ให้มันเชื่อมกับ WIFI ที่บ้านเราแทนครับ หรือจะเปลี่ยนเป็นระบบ 4G ก็ได้

ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี กล้องที่เรา Add เข้าไปจะขึ้นว่าออนไลน์แบบนี้ครับ

ถ้าแตะที่รูปฟันเฟือง ก็จะสามารถเข้ามาปรับแต่ค่า Config ของกล้องได้ เช่น

  • Date and Time : ปรับแต่งวันเวลาที่บันทึกลงกล้องให้ถูกต้อง เวลาดูภาพจะอ้างอิงเวลาอย่างถูกต้อง
  • Media Settings : ปรับแต่งการบันทึกภาพลง SD Card เช่น จะให้บันทึกภาพเป็นแบบ PAL หรือ NTSC .. จะบันทึกเสียงดังแค่ไหน จะให้กลับภาพ จากซ้ายเป็นขวาหรือเปล่า
  • Security Setting : จะเป็นการแก้ไขรหัสผ่าน Admin กับ Guest ที่จะ Login มาดูภาพในกล้องอย่างเดียว ตัว User/Password พื้นฐาน มันเห่ยชวนโดนแฮกมากๆ อยากจะบอกว่า รีบๆมาเปลี่ยน Password ก่อนเอาไปใช้งานนะครับ ไม่งั้นโดน Hack กระจายแน่ๆ
  • Network Setting : จะเป็นการเลือกการเชื่อมต่อว่าจะต่อผ่าน 4G / Ethernet (สาย LAN) / WIFI
  • Alarm Setting : โอ้โห นี่คือ Feature สำคัญเลยครับ คือ ถ้าเราเปิดระบบ Alarm .. หมายถึงเราไม่อยู่บ้าน แล้วอยู่ดีๆ มีอะไรน่าสงสัยตัดหน้ากล้อง ตัวกล้อง True CCTV มันจะร้องเลยครับ ร้องดังมาก หวอๆๆๆๆ แบบ สามบ้านแปดบ้าน แถมยังส่ง Email มาเตือนคุณอีกด้วยว่ามีคนบุกรุกมาแล้ว
  • Record Setting : จะเป็นการเลือกว่า จะบันทึกภาพลง SDCard แบบไหน ระหว่าง อยากอัดเองก็อัด / อัดเฉพาะเวลาที่มี Motion Detect เตือน หรือ อัดตามเวลาที่เลือกไว้ไป ว่ากันตามจริง ถ้า Mem ไม่เยอะ ก็ใช้วิธี Alarm Recording ก็ได้ครับ อัพเฉพาะเวลาใครตัดหน้ากล้องก็พอ
  • Device Update : ก็เป็นการเชื่อมกับ Server เพื่อเช็คว่า มี Firmware ใหม่ออกมาไม๊

เอาล่ะ  Setup เสร็จแล้ว มาดูคุณภาพของภาพหน่อยดีกว่า

ไฟล์แรกทดสอบภาพตอนกลางวัน แสงปกติครับ

ไฟล์นี้เป็นไฟล์ตอนกลางคืนครับ มีไฟสลัวๆ เพื่อให้ดูว่า ถ้ายิง Infrared ไปแล้ว จะเห็นภาพเป็นยังไงบ้าง

ไฟล์นี้ให้ดูการแพนกล้องจากระยะไกลบนหน้าจอมือถือครับ จะเห็นว่า บางทีผมก็เบลอๆ ไปส่องเพดาน อันนี้ไม่ใช่อะไรครับ เวลาจะแพนกล้อง บน-ล่าง มันงงไม่รู้ว่าต้องลากลง หรือ ลากขึ้นครับ ฮ่าๆ

สรุปความรู้สึกหลังใช้งาน True CCTV ประมาณ 10 วันที่แอบหนีเทียวไปญี่ปุ่น

  • การ Add กล้องแบบ SmartLink ไม่เคยใช้ได้ผลเลย ไม่รู้เราโง่เอง หรือระบบมันบ๊องกันแน่ เอาเป็นว่า Add แบบ Manual ง่ายกว่าเยอะครับ เชื่อผม
  • เวลาดูภาพทั่วๆไปทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ จะเป็นความละเอียดแบบ SD ที่ 360p แต่สามารถกดเพื่อเปลี่ยนความละเอียดเป็น 720p ได้ครับ
  • การใช้งานค่อนข้างเสถียรมาก ผมอยู่ญี่ปุ่น สามารถกดกลับมาดูกล้องได้ทุกครั้ง (ผมจับกล้องต่อ 4G โดยไม่ใช้ WIFI ที่บ้านพ่อตา เพราะอยากจะทดสอบความเสถียรของ True 4G ด้วย)
  • มีจังหวะที่ Data สะอึกแล้วภาพกลายเป็นแว๊บๆบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ ซึ่งก็งงๆเหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นส่วนของการ Record ลงการ์ด ไม่น่าจะเกี่ยวกับ 4G แล้วมันจะเอาที่ไหนไปกระตุุก เพราะการ์ดที่ใช้ก็เป็น Hi-Speed นะ
  • ตัวเครื่องรองรับ WIFI แค่ 2.4Ghz เท่านั้น เสียดาย น่าจะรองรับ 5Ghz WIFI ด้วย ฮือๆ
  • ถ้าจะ Record ยาวตลอด 24 ชั่วโมง 1 วันจะใช้เนื้อที่ในการเขียนข้อมูลลงการ์ดประมาณ 2.4GB ครับ
  • ตอนแรกผมก็รู้สึกแปลกๆว่า เราจะใช้กล้อง CCTV แบบ 4G ทำไมฟระ แต่พอมานั่งคิดว่า เออ แล้วไอ้กิจการ ที่มันเคลื่อนที่แบบ พวกรถ Food Truck / จัดกิจกรรมนอกสถานที่ หรืออะไรที่มันต้องย้ายที่ไป ย้ายที่มา ถ้ามันอยากจะได้กล้องวงจรปิด แต่พื้นที่มันไม่ได้ขอเน็ตได้ มันจะทำไงฟระ ก็นี่ไง จับ 4G ยัดกล้องไปตรงๆเลยนี่แหละ แค่นี้ เจ้าของธุรกิจ ก็สามารถสอดส่องกิจการระยะไกลของตัวเองได้แล้วครับ ผมว่ามันโคตรเจ๋งเลยนะ

ปิดท้ายด้วยการฝากโปรโมชั่นไว้ในอ้อมอกอ้อมใจหน่อยละกันครับ สำหรับใครที่อยากจะได้กล้อง True CCTV ตอนนี้ทาง True มีโปรโมชั่นตามรูปเลยครับ ตัวกล้องอย่างเดียวราคาประมาณ 4,990 บาท แต่ถ้าเปิดโปร เห็นว่าลด 50% ครับ  เปิดโปรเยอะๆ รับเครื่องฟรีอีกต่างหาก จัดไปเลยพ่อแม่พี่น้อง กดดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมตรงนี้เลย

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

Leave a Reply