Home -> Review -> รีวิว Motorheadphone รุ่น Trigger หูฟัง InEar ที่แผดเสียงเข้ารูหูดั่งกระสุนปืน

รีวิว Motorheadphone รุ่น Trigger หูฟัง InEar ที่แผดเสียงเข้ารูหูดั่งกระสุนปืน

ก่อนหน้านี้พึ่งจะรีวิวตัวหูฟัง Full Ear อย่าง Motorheadphone รุ่น Bomber ไป ก็มีหลายคนถามมาเยอะเรื่องยี่ห้อนี้ครับ ก็ดีใจที่ชอบรีวิวครับ คราวนี้ทางทีมงาน Motorheadphone ก็ส่งหูฟังราคาเบาๆ แบบ InEar ที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมารุ่นนึง  ลองมาดูรีวิวของ Overkill หูฟัง InEar ที่แผดเสียงดั่งกระสุนปืนเข้ารูหูกันเลยครับ

อย่างที่เคยบอกไปใน รีวิวรุ่น Bomber ว่า หูฟังของ Motorheadphone จะถูกตั้งชื่อรุ่นตามอัลบั้มต่างๆของวง Motorhead ซึ่งรุ่น Trigger นี้จะเหมือนกัน แต่จะเป็นชื่อเพลงๆนึงจาก Album ที่ชื่อว่า Kiss of Death ที่ออกเมื่อปี 2006

ลองฟังกันได้ครับ เสียงดิบเถื่อนสมเป็น Heavy Metal รุ่นดึก 30 กว่าปีจริงๆ อ้อ อัลบั้ม Kiss of Death ยังได้อันดับที่ 4 ใน German Chart ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอัลบั้มที่ได้อันดับสูงสุดในชาร์ทเยอรมันเลยครับ

ว่าแล้วก็มาแกะกล่องกันเลยดีกว่าครับ

IMG_0576

กล่องใส่หูฟังรุ่น Trigger จะเหมือนกับกล่องเคสเหล็กที่เราไว้ใช้ขนเครื่องดนตรีครับ ตัวกล่องทำจากกระดาษแข็งเคลือบมันบางส่วน จับแล้วก็ไฮโซดีเหมือนกัน

IMG_0577

พอแกะฝาหน้าออกมาก็จะพบกับคำอธิบายความเป็นมาของวงและหูฟัง Motorheadphone ครับ ทำหน้าตาได้ร็อคมาก

IMG_0578

ผมลองอ่านเนื้อหาคำอธิบายดู ชอบประโยคทิ้งท้ายมาก “If it’s too loud , you’re too old…”  ถ้าคุณฟังแล้วรู้สึกเสียงดังไป คุณก็แก่ไปแล้ว โอ๊ยย เจ็บจิ๊ดด

IMG_0579

หูฟังรุ่น Trigger จะถูกวางอยู่อยู่บนกล่องผ้าสักหลาดสีแดงด้ายซ้าย คู่กับลายของวง Motorhead ครับ

IMG_0580

เมื่แกะกล่องออกมาก็จะพบกับ ซองใส่หูฟัง เป็นถุงผ้าลื่นๆ แล้วก็หูฟัง Motorhead รุ่น Trigger ครับ

IMG_0583

ตัวหูฟังเป็น InEar ขนาดกลางๆ ทำจากอลูมิเนียมแต่น้ำหนักเบา พร้อมโลโก้ Motorheadphone บริเวณด้านหลัง

IMG_0584

ที่ผมบอกว่าเสียงดั่งลูกกระสุนทะลุหูนี่ไม่ได้โม้นะครับ ฮ่า เพราะตัวหูฟังเค้าออกแบบให้เหมือนลูกกระสุนปืน ดูเป็นมงคลดีมากกับการเอากระสุนปืนยัดหูแบบนี้ แต่สำหรับชาวร็อค เรื่องแค่นี้ แคร์ซะที่ไหนล่ะ 

IMG_0582

ตัว Driver เป็นขนาด 9 มม. อีกต่างหาก จะเหมือนกระสุนปืนไปไหนเนี่ย รองรับความถี่เสียง 20 Hz – 20,000 Hz  ให้เสียงดัง 50 mW เปิดกันให้หูแตกไปเลย

IMG_0585

ตัวสายเป็น ผ้าถักอย่างดี เหนียว ลื่น ไม่พันกันง่ายๆ และที่แจ๋วก็คือ มีตัว Metal Slider มาเพื่อหนีบหูฟัง ไม่ให้พันเวลาเราม้วนเก็บสายอีกด้วย

IMG_0586

เมื่อรูด Metal Slider เก็บหมดจะเป็นแบบนี้ครับ ลดโอกาสสายพันกันไปได้อีกเยอะ

IMG_0587

ที่ผมชอบมากก็คือ ตัว Jack 3.5 มม ที่ใช้เสียบ เป็นลักษณะหัก 90 องศา แต่ออกแบบมาแข็งแรงมาก แทบไม่ต้องกลัวเขี้ยวหักคาเครื่องเลยล่ะครับ

IMG_0590

ในกล่องยังให้จุกยาง InEar มาอีก 2 ขนาด รวมกับในตัวหูฟังอีก 1 ดังนั้นจะมีทั้งหมด 3 Size เล็ก – กลาง – ใหญ่ ครับ

คุณภาพเสียงล่ะ???

แน่นอนว่าถ้าเทียบกับรุ่นใหญ่อย่าง Bomber พลังและความแน่นของเสียงก็คงจะไม่เท่ากันครับ แต่ด้วยความที่เป็น InEar .. การที่เรายัดหูฟังเข้ารูหูไปเต็มๆ มันก็เลยแปลงสภาพรูหูของเราให้กลายเป็น Chamber เสียงขนาดกึกก้องได้

เสียงช่วง กลาง-แหลม ทำได้ด้ครับ ไม่ได้ให้เสียงบาดรูหูแต่อย่างใด  แต่พลังเบสยังถือว่ายังไม่ถึงใจนักเมื่อเทียบกับ Bomber ที่โยกเบสได้นิ่มกว่าเยอะ

ผมทดสอบกับเพลงร็อคสะใจชาวโลกและชาว Guitar Hero อย่างThrough the fire and flame ของวง Dragonforce

พบว่าเสียงกีต้าร์แน่นและฟังสนุกมาก แต่กลองยังหลวมๆเหมือนจั่วลม คาดว่าอาจจะเพราะยัง Burn ได้ไม่ดีพอ

http://www.youtube.com/watch?v=BfOdWSiyWoc

เลยข้องใจ หันไปทดสอบกับเพลงที่มัน กีต้าร์จ๋าๆ แล้วก็กลองเชี๊ยะๆ กว่านี้ ก็คือเพลง Can’t stop ของ Red hot chilli pepper … พบว่า เอ้อ มันก็แจ๋วดีนี่หว่า สงสัยเลือกเพลงมาไม่ค่อยถูกสไตล์

และปิดท้ายก็ต้องขอทดสอบกับเพลงแรงๆหน่อย มันต้องเทพเจ้าของวงการ Heavy Metal อย่าง Metalica สิคร้าบบบ

การให้เสียงช่วงฟาดกลองตอนต้นเพลง ทำได้ไม่เลวครับ เสียงกลองมาแบบพรึ่บ ๆ ๆ และอย่างที่เค้าว่ากันไว้ ผมเปิดเสียงดังสุดเอาให้รูหูแตกไปเลย เสียงที่ได้ยังไม่แตกแต่อย่างใด (มันทนจริงแฮะ)

สรุปสั้นๆกับหูฟัง Motorheadphone Trigger

  • ราคา 1,650 บาท แต่ให้คุณภาพการผลิตที่ดีมาก ทั้งวัสดุและ Driver ถือว่าคุ้มมากครับ
  • ชอบสายถักและตัว Jack หูฟังที่งอ 90 องศามากๆ
  • ถ้าอยากได้รีโมท แนะนำให้ซื้อรุ่น Motorheadphone Overkill จะมีรีโมทที่ใช้หยุดเพลง กับ Microphone ไว้คุยโทรศัพท์มาให้ด้วย เสียอย่างเดียว ไม่มี Volumn Control
  • เหมาะมากถ้าจะเอามาใส่ฟังตอนวิ่งออกกำลังกาย เพราะสายถักตัวนี้น่าจะทนทานเหงื่อพอสมควรทีเดียวครับ

IMG_0592

Check Also

รีวิว Auto-Empty Dock ของที่ต้องมีถ้ามีคุณ Roborock s7

ไม่ต้องเกริ่นเยอะ สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกสบายก็เถอะ แต่มันก็ยังเหลือ ภาระนิดๆ ให้คุณต้องมาจัดการบ่อยๆ นั่นก็คือ ต้องเอาฝุ่นใน Dustbin มันมาทิ้ง!! Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine

100 comments

Leave a Reply