Mac

Post นี้มันเกิดจาก NAS ที่บ้านพังครับ … ระหว่างที่แก้ปัญหาอยู่ อยากจะใช้ตัว PC เก่า มาทำหน้าที่เป็น Media Server ในการจัดการหนังไปก่อน เลยไปค้นหาโปรแกรมมาตัวนึงชื่อว่า Plex Media Server ซึ่งความสามารถของมันแจ๋วเอาเรื่องเลยครับ

โอ ไม่ได้อัพเดทนานมาก เพราะช่วงนี้เลี้ยงหมาครับ ไว้จะมาเขียนเล่าให้ฟังว่าการเลี้ยงลูกหมาไฮเปอร์อย่าง Jack Russell มันเหนื่อยขนาดไหนครับ อิอิ เอาเป็นว่ามาดูโปรแกรม Mac ตัวนี้ดีกว่า เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ดูสถานะของ Network ได้หลายๆแบบครับ

จั่วหัวมาแบบนี้น่าจะงงกันเป็นแถบๆล่ะนะครับ แต่จริงๆแล้วต้องเล่าแบบนี้ครับ ผมกำลังทำรายการ Internet ทีวีร่วมกับ @phuphu และ @here_ern ซึ่งเป็นรายการสำหรับคนที่รักชอบการ์ตูนครับ ทำรายการมาเสร็จก็ได้เวลาอัพโหลดขึ้น Youtube ครับ ก็เลยเปิดเครื่องทิ้งไว้ แต่ปรากฏว่า….

ปัญหาโลกแตกของการเป็นประชากรในโลกอินเตอร์เน็ตก็คือ … โลกนี้มันต้องการใช้รหัสผ่านมากเกินไป แถมรหัสผ่านธรรมดาก็อันตรายเกินกว่าจะเสี่ยงเอามาใช้ ยิ่งหลังๆมานี่​ โลกเรามีบริการแปลกๆใหม่ๆ งอกขึ้นมาเป็นดอกเห็น ทำให้ต้องมานั่งปวดหัวคิดรหัสผ่านกันอยู่เรื่อยๆ  คิดยากก็จำไ่ม่ได้ คิดง่ายก็อันตรายเกิ๊นนน มาใช้ LastPass ให้หายปวดหัวกันดีกว่า

มีตากล้องคนนึงขอความช่วยเหลือมาครับ เพราะปวดหัวมากกับการ Rename ไฟล์ให้มันตรงตามที่ต้องการพร้อมกันหลายๆไฟล์ งานนี้ก็เลยไปเจอโปรแกรมเปลี่ยนชื่อไฟล์ได้แบบรัวๆมาตัวนึง ลองใช้ดูก็ไม่เลวครับ

เวลาเราใช้งาน Windows .. บางทีเราก็อยากจะได้ลักษณะการทำงานที่มันตรงอย่างใจเรา ซึ่งไม่ยากเลยครับ เพราะโปรแกรมปรับแต่ง Windows ให้ละเอียดลึกซึ้งมีอย่างเยอะ แต่สำหรับ Mac แล้ว มันแทบไม่ค่อยจะมีเลย แต่พึ่งจะไปเจอ Freeware แจ่มๆมาตัวนึงที่ปรับได้ลึกสมชื่อ มันชื่อว่า Deeper ครับ

ผมใช้งาน Mac มาก็เดือนกว่าๆเกือบ 2 เดือนแล้ว ก็พยายามหาโปรแกรมฟรีมาเสริมความสามารถในแต่ละด้านของ Mac ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ และอีกหนึ่งประเภทของโปรแกรมที่คนใช้งานอินเทอร์เน็ตจะต้องมีติดเครื่องกันไว้ทุกคนก็คือโปรแกรมประเภท Download Manager นั่นเอง

สารภาพตามตรงก็ไม่ค่อยอยากจะแนะนำโปรแกรมตัวนี้เท่าไหร่ เพราะเอาไปใช้งานก็คงจะเป็นด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ โหลด MV จาก Youtube มาแปลงเป็นเพลงไว้ฟังฟรีๆ แต่… ก็ขอให้รีวิวไปนี้ถึงคนที่ใช้งานจริงๆ รวมไปถึงใครที่ฟังเถื่อนก็ช่วยกันซื้อหาผลงานลิขสิทธิ์แท้กันด้วยนะครับ

ท่านที่แบก Macbook ไม่ว่าจะ Pro , Air หรือ Retina Display แสนอลังการ์ อยากรู้หรือไม่ว่า เครื่องท่านกินพลังงานชั่วโมงละเท่าไหร่ อยากรู้มาดูกันเลย

เวลาเราใช้ Mac กับ Windows .. มันก็จะมีวัฒนธรรมการใช้งานของสองค่ายนี้ที่มันไม่เหมือนกัน ผมเองใช้ Windows มาเกือบ 20 ปี ย้ายมา Mac ทีก็ปวดหัว เลยหาทางทำให้มันเป็น Windows Style จะได้เข้ามือเรามากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ การเรียกใช้งานโปรแกรมของ Mac ครับ

สำหรับคนที่ใช้อุปกรณ์ iOS เช่น iPad , iPhone , iPod ทั้งหลาย คงจะรู้ดีว่า iTunes เป็นโปรแกรมที่เราต้องใช้คู่กับมันตลอด แยกขาดจากกันไม่ได้ แต่ iTunes ก็ตัวใหญ่ ทำงานช้า อุ้ยอ้าย เหลือเกิน ยิ่งใช้บน Windows ยิ่งเต่าคลานเข้าไปใหญ่ บางคนอยากจะได้แค่จัดการเรื่องเพลงง่ายๆ กลับต้องมารอ iTunes ทำงาน ซึ่งกว่าจะทำเสร็จก็แทบหลับ

ใครๆที่คิดว่า Mac ไม่มีไวรัส เลิกคิดได้แล้วนะครับ เพราะว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ไวรัสของ Mac เติบโตขึ้นสูงมากๆอย่างน่าตกใจ ซึ่งบรรดาคนใช้ Mac ทุกท่านควรหา Antivirus มาติดตั้งในเครื่องกันบ้างเพื่อไม่ให้โดนไวรัสพวกนี้เล่นงานครับ

ขึ้นชื่อว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ยังไงก็ต้องใช้แรมในการทำงานอยู่แล้วครับ ยิ่งกับเครื่อง Mac นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย แต่ละตัวกินหน่วยความจำโหดๆทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้ Mac ก็ไม่ค่อยกระเทือนหรอกครับ ถ้าแรมไม่พอก็เพิ่มแรมในเครื่องมันซะเลย ฮ่าๆ แต่สำหรับผู้ใช้งาน Macbook Air แบบผมที่แรมมันจำกัด แถมเพิ่มก็ไม่ได้ โอ้ว แรมในเครื่องมีค่าอย่างกะทองเลยล่ะครับ

ไม่ต้องพูดอะไรมากกับโปรแกรมประเภทดูดวีดีโอจาก Youtube เพราะว่าเป็นโปรแกรม Top Hit อันดับนึงของ Freeware.in.th กันอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้นำเสนอแต่เวอร์ชั่นบน Windows วันนี้ขอเสนอบน Mac กันบ้างนะครับ

Finder เปรียบเสมือน Windows Explorer ของฝั่ง Windows ครับ มันทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเข้าถึงไฟล์ในส่วนต่างๆของเครื่องเรา แต่ก็เหมือน Windows Explorer นั่นแหละครับ ผมก็คือว่า Finder มันง่อยๆเหมือนกัน มันไม่ค่อยจะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกซะเลย เลยไปควานหาตัวที่ทำให้ Finder ของเรามันเทพขึ้นครับ